จ่อถ่ายทอดประชุมสภาฯ ผ่านสื่ออิเล็กทอนิกส์

โฆษกกมธ.ยกร่างข้อบังคับการประชุมสภาฯ เผยที่ประชุม มอบฝ่ายเลขาฯ ศึกษาเพิ่มเติมอำนาจประธานสภาแต่งตั้งประธานวิปฝ่ายค้าน  เพิ่มช่องทางถ่ายทอดประชุมผ่านสื่ออิเล็กทอนิกส์

น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ โฆษกคณะวิสามัญยกร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญยกร่างฯ ครั้งที่  2 ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาต่อเนื่องถึงหมวดที่ 2 ว่าด้วยหน้าที่และอำนาจของประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ และเลขาธิการ ซึ่งมีการยกประเด็นการแต่งตั้งประธานคณะกรรมการประสานงานฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน ขึ้นมาพิจารณาว่าอยู่ในขอบเขตอำนาจหน้าที่ของประธานสภาฯด้วยหรือไม่ ซึ่งประธานคณะกรรมาธิการมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการไปศึกษาข้อมูลทางกฎหมายประกอบเพิ่มเติม

ส่วนประเด็นพิจารณาในหมวดที่ 3 ว่าด้วยวิธีการประชุม ข้อ 12 ซึ่งกำหนดเงื่อนไขสำคัญ 3 ส่วน คือ 1. ให้การประชุมเป็นไปอย่างเปิดเผย 2. ต้องจัดให้ถ่ายทอดการประชุม และ 3. ช่องทางการถ่ายทอด เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน ในส่วนของช่องทางการถ่ายทอด จึงพิจารณาเพิ่มเติมในส่วนของสื่ออิเล็กทรอนิกส์และสื่ออื่นใด นอกเหนือจากการถ่ายทอดทางวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ด้วย ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบและให้ฝ่ายเลขานุการปรับร่างมาพิจารณาตามที่คณะกรรมาธิการเสนอ ทั้งนี้  การประชุมคณะกรรมาธิการชุดนี้ เป็นไปอย่างละเอียดรอบคอบในรายละเอียดทางกฎหมาย โดยพิจารณากันทีละข้อไล่เรียงตามลำดับ จึงใช้เวลาในการพิจารณาในแต่ละหัวข้อพอสมควร

น.ส.ธณิกานต์ กล่าวถึงกรณีนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่คณะกรรมาธิการวิสามัญยกร่างฯเพิ่มคณะกรรมาธิการสามัญจากเดิม 35 คณะเป็น 36-38 คณะเพราะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ ว่า  เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล แต่ข้อเท็จจริงคือ ขณะนี้ที่ประชุมพิจารณาอยู่ในหมวดที่ 3 ส่วนที่ 1 ซึ่งยังไม่ถึงหมวดที่จะพิจารณาเรื่องของคณะกรรมาธิการ อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้น คณะกรรมาธิการยกร่างฯจะพิจารณาด้วยเหตุผลและข้อกฎหมายอย่างถี่ถ้วน