‘หุ้นค้าปลีก’ตีปีกรับปัจจัยบวก มาตรการกระตุ้นรัฐครึ่งหลัง -ท่องเที่ยวเพิ่ม

16 มิ.ย. 2562 | 11:00 น.

 

 

โบรกคงนํ้าหนักหุ้นกลุ่มค้าปลีกมากกว่าตลาด คาดยอดขายสาขาเดิมยังโตได้ดี รับแรงหนุนอากาศร้อน
ดันยอดขายเครื่องดื่มและเครื่องใช้ไฟฟ้า ลุ้นครึ่งปีหลังเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่

 

ความคืบหน้าหลังการเมืองไทยที่เริ่มเป็นรูปร่างอย่างชัดเจนมากขึ้น ทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเริ่มกลับมาคึกคักอีก โดยหลังจากนี้ต้องรอดูนโยบายหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบใดบ้าง ซึ่งหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดทั้งก่อนและหลังการจัดตั้งรัฐบาล คือ กลุ่มค้าปลีก ประกอบด้วย บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน)(บมจ.) (BJC),บมจ. ซีพี ออลล์ (CPALL), บมจ. สยามโกลบอลเฮ้าส์  (GLOBAL), บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์  (HMPRO),บมจ. สยามแม็คโคร (MAKRO) และบมจ. โรบินสัน (ROBINS) โดยในไตรมาสแรก ปี 2562 มีกำไรสุทธิรวม 11,513 ล้านบาท

นางสาววิชชุดา ปลั่งมณี นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย)ฯ เปิดเผยว่า แนวโน้มหุ้นกลุ่มค้าปลีกยังคงนํ้าหนักไว้ที่มากกว่าตลาด โดยในไตรมาส 2 ปี 2562 คาดว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมเฉลี่ยของกลุ่มยังทำได้ดีเป็นบวกประมาณ 1.5-2% ซึ่งได้แรงหนุนจากสภาพอากาศร้อน ทำให้ยอดขายสินค้าเครื่องดื่ม และเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำได้ดี ขณะเดียวกัน คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หลังการเลือกตั้งได้ข้อสรุป จะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยเพิ่มแรงซื้อ และคาดไตรมาส 2 ผลประกอบการปกติของกลุ่มยังทำได้ดีจากรายได้และการควบคุมต้นทุน

‘หุ้นค้าปลีก’ตีปีกรับปัจจัยบวก  มาตรการกระตุ้นรัฐครึ่งหลัง -ท่องเที่ยวเพิ่ม  

อย่างไรก็ตาม มองว่าฤดูฝนเพิ่งเริ่มต้นในช่วงท้ายของเดือนพฤษภาคม โดยยังคงต้องติดตามผลกระทบจากฤดูฝนที่เกิดขึ้นระหว่างเดือนมิถุนายน ซึ่งอาจทำให้การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมในไตรมาส 2 น้อยกว่าที่คาด ขณะที่ แรงซื้อจะได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ จากมาตรการพยุงเศรษฐกิจผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เช่น เพิ่มเบี้ยคนพิการ ช่วยเหลือผู้ปกครองเรื่องค่าชุดนักเรียน/อุปกรณ์การศึกษา รวมถึงมาตรการลดหย่อนภาษีจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ และการซื้อสินค้าเกี่ยวกับการศึกษาและกีฬา ช่วยหนุนแรงซื้อในช่วงไตรมาส 2 

ขณะเดียวกันในไตรมาส 2  จะมีการบันทึกค่าใช้จ่ายพนักงานตามพ.ร.บ.แรงงาน ทำให้เห็นการรายงานค่าใช้จ่ายขายและบริหารที่สูงกว่าปกติ แต่รายการดังกล่าวจะเป็นรายการที่บันทึกทางบัญชี คาดผลประกอบการปกติโดยรวมมีโอกาสเห็นการเติบโต หลังจากในไตรมาสแรก ปี 2562 มีกำไรปกติโดยรวมของกลุ่มเติบโต 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ด้านบทวิเคราะห์บล.ทิสโก้ฯ ระบุว่า คาดกลุ่มค้าปลีกจะเติบโตได้จากปัจจัยบวก 4 ด้านคือ การขึ้นค่าแรงขั้นตํ่า และการเพิ่มขึ้นของหนี้ภาคครัวเรือน, ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น, ราคาและผลผลิตทางเกษตรที่เพิ่มขึ้นหนุนรายได้ภาคการเกษตร และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยมองว่า หุ้น CPALL เป็นหุ้นที่ได้รับปัจจัยบวกชัดเจนสุด เพราะคนไทยกว่าครึ่งอาศัยอยู่ในสังคมเมืองที่มีขนาดครอบครัวเล็กลงและการจราจรที่ติดขัด ทำให้คนชอบร้านที่มีรูปแบบเล็กลง, ใกล้ตัวขึ้น และตรงกับรูปแบบของไลฟ์สไตล์คนเมืองมากขึ้น 

 

 

ทั้งนี้ มองหุ้น CPALL เป็นหุ้นแนะนำ โดยที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 14% สำหรับปี 2562-2564 มาจากการเติบโตที่เพิ่มขึ้นชัดเจน, ประโยชน์จากการบริโภคที่ฟื้นตัว และความเป็นผู้นำในกลุ่ม นอกจากนี้ แนะนำให้ “ซื้อ” BJC จากการขยายตัวในทุกธุรกิจอัตรากำไรของธุรกิจค้าปลีกที่ฟื้นตัว และได้ประโยชน์จากความร่วมมือกับกลุ่ม TCC 

 

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3479 วันที่ 16-19 มิถุนายน 2562

‘หุ้นค้าปลีก’ตีปีกรับปัจจัยบวก  มาตรการกระตุ้นรัฐครึ่งหลัง -ท่องเที่ยวเพิ่ม