คอลัมน์ที่นี่ไม่มีความลับ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3480 ระหว่างวันที่ 20-22 มิ.ย.2562 โดย...เอราวัณ
หรือพลังประชารัฐ
จะเปลี่ยนเป็น
พรรคทหารเต็มตัว!
ความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ ระหว่างสาย “ผู้มีบารมีสีขียว” กับกลุ่ม “สามมิตร” ในระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล ได้ส่งผลให้ “ผู้มีบารมีสีเขียว” คิดจะ “ปฏิวัติ” ภายในพรรคพลังประชารัฐ ด้วยการผลักดันข่าวการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าและเลขาธิการพรรคใหม่ โดยจะผลักดันให้ ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นหัวหน้าพรรคเต็มตัวแทน อุตตม สาวนายน และ ผลักดัน ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ เป็นเลขาธิการพรรคแทน สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รวมทั้งมีชื่อ ลุงป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะมานั่งเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค
มองผิวเผินน่าจะดีใน 2 ด้าน คือการจัดการปัญหาภายในที่ “เรียกร้องกันเยอะ” จนวุ่นวาย “ตัวจริง”ทั้ง ลุงตู่-ลุงป้อม จะเข้ามาสยบความวุ่นวายในพรรค และอีกด้านเป็นการจัดทัพพรรคเสียใหม่เพื่อต่อกรกับพรรคตรงข้ามอย่าง เพื่อไทย-อนาคตใหม่ เพราะลำพังผู้บริหารพรรคปัจจุบัน ไปต่อกรกับคู่แข่งทางการเมือง โดยเฉพาะ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมองว่าการเลือกตั้งใหม่ จะเกิดขึ้นอีกไม่นานนัก ด้วยเงื่อนไขของเสียงรัฐบาล “ปริ่มน้ำ” ที่เป็นข้อจำกัดต่ออายุรัฐบาล จำเป็นที่จะต้อง “จัดทัพ” พลังประชารัฐใหม่ทันที ที่ตั้งคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้น
แน่นอนว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประสงค์จะลงมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐจริง “4 กุมาร” ที่ขับเคลื่อนพรรคทั้ง อุตตม สาวนายน, สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, สุวิทย์ เมษินทรีย์ และ กอบศักดิ์ ภูตระกูล จำเป็นต้องหลีกทางให้โดยปริยาย ปัญหาอยู่ตรงที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการเป็นหัวหน้าพรรคด้วยตนเอง หรือเป็นเพียงความต้องการของ ลุงป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กันแน่
แต่ถ้ามองอีก 2 มิติ ลุงตู่อาจจะต้องนั่งคิดให้รอบคอบกับการก้าวลงมาเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองเต็มตัว หรือการ “อยู่เหนือ” หัวหน้าพรรคการเมือง แต่มีบทบาทเป็น “ผู้นำ” มากกว่า เพราะคำให้สัมภาษณ์ของ วิษณุ เครืองาม มือกฎหมายคู่บารมี ติงไว้ล่วงหน้าว่าหากเป็นหัวหน้าพรรคเองต้องรับความเสี่ยงที่จะต้องถูกตัดสิทธิทางการเมือง หากกรรมการบริหารพรรคคนใดคนหนึ่งไปกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง หรือกฎหมายพรรคการเมือง
ไม่เพียงคำเตือนของ วิษณุ เท่านั้น แต่ถ้าข่าวนี้เป็นจริง ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร มานั่งกุมบังเหียนพรรคพลังประชารัฐ ภาพจะเปลี่ยนกลายเป็น “พรรคทหาร” ที่นักเลือกตั้งภายในพรรคต้อง “ชิ่งหนี”และจะกลายเป็นกระแสที่ง่ายต่อการหยิบยกไปโจมตีของทั้ง ทักษิณ ชินวัตร ในต่างประเทศ และ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในประเทศ ลุงตู่ ต้องบวก-ลบ-คูณ-หาร เอาเองว่าคุ้มมั้ย ที่จะลงมา “เต็มตัว”