ห่วงบาทแข็ง หลุด31บาท ฉุดฟันด์โฟลว์ไหลเข้า

23 มิ.ย. 2562 | 05:50 น.

 

 

 

ตลาดหุ้นไทยคึกคัก ดันดัชนีหุ้นไทยเหนือ 1700 จุด ปัจจัยหนุนทั้งจากการเมืองไทย เฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย 0.50% จับตานโยบายเร่งด่วนของรัฐ หวั่นอยู่ไม่นาน โบรกฯห่วงบาทแข็งค่าเกิน 31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ทำฟันด์โฟลว์ชะงัก 

การลงทุนในตลาดหุ้นไทยเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศมีความคืบหน้าและชัดเจน โดยเฉพาะการเมืองไทยที่จะมีรัฐบาลใหม่ภายในเดือนมิถุนายนนี้ สงครามการค้าสหรัฐฯกับจีนที่มีความชัดเจนว่าจะมีการเจรจาร่วมกันระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และโดยเฉพาะการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ส่งสัญญาณจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.5% ในช่วงครึ่งปีหลัง เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้  ทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นยืนเหนือ 1700 จุดได้สูงสุดในรอบ 8 เดือน เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2562 ด้วยมูลค่าซื้อขายกว่า 107,568.94 ล้านบาท 

นายภาสกร ลินมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า การเมืองไทย ยังอยู่ระหว่างรอนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ คาดว่ามาตรการเร่งด่วนที่จะออกมาเป็นอย่างแรก คือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ขณะที่มาตรการต่อไป คือ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นตํ่า โดยมองว่าหุ้นที่จะได้รับผลประโยชน์ คือ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) ส่วนหุ้นที่จะได้รับผลกระทบ คือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง สถานีบริการนํ้ามัน เพราะกลุ่มนี้ต้องมีการพึ่งพาการใช้แรงงานเป็นสำคัญ

ห่วงบาทแข็ง หลุด31บาท ฉุดฟันด์โฟลว์ไหลเข้า

ภาสกร ลินมณีโชติ

อย่างไรก็ตาม คาดว่ารัฐบาลใหม่จะจัดตั้งเสร็จหลังงานประชุมอาเซียนซัมมิทที่กำลังจะมาถึง เนื่องจากการเจรจาต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงหลักๆ ยังไม่เรียบร้อย แต่เรื่องนี้น่าจะไม่มีผลกระทบต่อการบริหารประเทศเนื่องจากเป็นการดำเนินงานตามปกติของรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปัจจุบันที่กำลังบริหารประเทศอยู่ การที่รัฐบาลร่วมมีเสียงมากกว่าฝ่ายค้านเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับการอยู่ครบ 4 ปี ซึ่งมองว่าจะอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ทำให้รัฐบาลใหม่จะต้องเน้นในมาตรการที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว (fast-moving) ที่จะมีผลกระทบในทันทีต่อเศรษฐกิจ

ห่วงบาทแข็ง หลุด31บาท ฉุดฟันด์โฟลว์ไหลเข้า

ขณะที่ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังปีนี้ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง อีกทั้งยังทำให้มีเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่ เนื่องจากผลตอบแทนการลงทุนในหุ้นดีขึ้นเมื่อเทียบกับการลงทุนรูปแบบอื่น นอกจากนี้ การเจรจาการค้าสหรัฐฯกับจีนที่จะมีการเจรจานอกรอบในการประชุม G20 ช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ ยังเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญอีกด้วย

ด้านนายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัสฯ กล่าวว่า การที่เฟดส่งสัญญาณจะลดดอกเบี้ยลง 0.5% ในช่วงครึ่งปีหลัง และมีแนวโน้มจะปรับลดเริ่มเดือนกรกฎาคมนี้ เป็นแรงหนุนสำคัญต่อตลาดหุ้นไทย และส่งผลให้ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยของต่างชาติยังตํ่าอยู่มาก หนุนให้ดัชนีหุ้นไทยระยะสั้น 1 เดือนไปต่อได้ถึง 1750-1760 จุด อย่างไรก็ตามห่วงค่าเงินบาทไทยหากแข็งค่ามากกว่า 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อาจจะส่งผลให้ฟันด์โฟลว์เปลี่ยนทิศไปภูมิภาคอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) จก. (มหาชน) กล่าวว่า ประเด็นที่ต้องติดตามคือ ปัญหาในตะวันออกกลางที่เกิดความตึงเครียดขึ้น หลังเกิดเหตุวินาศกรรมเรือบรรทุกนํ้ามัน 2 ลำ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานับเป็นลำที่ 6 ในรอบ 1 เดือน ส่งผลให้ราคานํ้ามันปรับตัวขึ้นทันที ขณะเดียวกัน การประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตนํ้ามัน (โอเปก) ในวันที่ 25-26 มิถุนายนนี้ ที่ประชุมเตรียมที่จะคงกำลังการผลิตไว้เช่นกัน โดยภาพรวมถือเป็นผลบวกต่อราคานํ้ามันรวมถึงผู้ผลิตนํ้ามันด้วย

ขณะเดียวกัน ปัจจัยในประเทศ คาดว่ารายชื่อผู้ดำรงตำแหน่งครม. ยังไม่ชัดเจนทั้งหมด แต่กระทรวงด้านเศรษฐกิจที่สำคัญไม่น่ามีการเปลี่ยนแปลงจากรายชื่อที่ประกาศออกมา ดังนั้น ประเมินว่าเสถียรภาพของรัฐบาลหลังตั้งครม.เสร็จสิ้นแล้วจะมีไม่สูงมาก เนื่องจากเสียงคะแนนที่มากกว่าฝ่ายค้านเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ในด้านตลาดหุ้นจะได้ปัจจัยบวกในช่วงสั้นๆ จากมาตรการและแผนการลงทุนที่ทำไว้จากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา 

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,481 วันที่ 23 - 26 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ห่วงบาทแข็ง หลุด31บาท ฉุดฟันด์โฟลว์ไหลเข้า