‘บิ๊กตู่’ต้องหยุดการเมืองให้นิ่ง รับมือเศรษฐกิจโลก!!

29 มิ.ย. 2562 | 06:00 น.

 

สัปดาห์นี้ การเมืองบ้านเรายังฝุ่นตลบด้วยเรื่องราวเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นคดีถือหุ้นสื่อที่คราวนี้เปลี่ยน “จำเลย” มาเป็น “ขั้ว-ฝ่าย” รัฐบาล แต่ก็คงไม่จบง่ายๆ เมื่อพปชร. จ่อฟ้องกลับ 32 ส.ส.ฝ่ายค้าน พร้อมแฉมีระดับ หน.พรรคถือหุ้น-ทำสื่อ!?

ขณะที่เลขาฯ พรรคสีส้ม-ปิยบุตร โต้กลับทันควันเช่นกัน ด้วยการขอให้ประชาชนจับตาการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะตัดสิน 32 ส.ส.รัฐบาล หยุดทำหน้าที่หรือไม่ เบื้องต้นอ้างกระบวนการตัดสินแตกต่างจากหน.พรรคตัวเอง...

แม้สถานการณ์ทางด้านการเมืองจะยังไม่นิ่ง แต่ผมก็จะขอพักเรื่องการเมืองไว้แค่นี้ เนื่องจาก “มึน” และเวียนหัวกับเกมต่างๆ โดยสลับไปโฟกัสเรื่องเศรษฐกิจที่ช่วงนี้ เงินบาทแข็งค่าขึ้น และเงินนอกไหลเข้ามาพักที่เมืองไทยมากขึ้น

รวมทั้งปัจจัยเฟดของสหรัฐฯ ที่จะส่งผลต่อการส่งออกของไทยแทน...แต่ก็จะสรุปให้ท่านผู้อ่านฟังสั้นๆ และง่ายๆ พอสังเขป ตามนี้

1) เงินบาทมีการผันผวนน้อยที่สุดในตลาดภาคพื้นย่านนี้

2) การเมืองหลังเลือกตั้งทำให้เกิดความมั่นใจ

3) สถาบันการเงินโลกให้เงินบาทมีความมั่นคงสูงขึ้น

4) FED ของสหรัฐฯกำลังพิจารณาอัตราดอกเบี้ยใหม่

(จากเหตุ-ปัจจัยดังกล่าว แหล่งทุนยักษ์จึงใช้วิธีไหลเม็ดเงินเข้าตลาดที่มั่นคง เพื่อรอเวลาถ่ายโอนเข้าไปยังแหล่งอื่น ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะเกิน 3-4 เดือนข้างหน้านี้)

5) Trade war หรือสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ คงส่งผลกระทบต่อไทยน้อยกว่าชาติอื่น เพราะการส่งออกของไทยไปจีนน้อยกว่า

ขออนุญาตขยายความ คำว่า “แหล่งทุนยักษ์” ว่าคืออะไรก่อน โดยสมมติ A กับ B ลงขันกันคนละ 3 แสนล้าน ไปลงทุนที่สหรัฐฯ ทั้ง 2 คน จะต้องเสียภาษีให้กับทั้ง 2 ประเทศ คือ เสียทั้ง income tax และ corporate tax

ถ้า A นำเงินกลับมาเมืองไทย A ต้องเสียภาษีเพิ่มอีก ดังนั้นทั้ง 2 คนจึงย้ายเงินทุนไปยังประเทศอื่นที่มั่นคงและผลตอบแทนสูง คือ ตลาดหุ้น จากนั้นก็จะนำดอกผลกำไรไปลงทุนต่อยังแหล่งอื่นโดยไม่หวนกลับประเทศแม่...

แล้วแปลงร่างเป็น “กองทุนใหม่” ที่หวนกลับเข้ามาประเทศแม่แทน หรือไม่ก็ไปซื้อทีมสโมสรฟุตบอลต่างประเทศ อาทิ เช่น พรีเมียร์ลีกของประเทศอังกฤษเช่นอดีตนักการเมืองไทย (ฮา) บางคน เป็นต้น

ดังนั้น การไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติ จึงไม่ได้แปลว่าเศรษฐกิจไทยดีขึ้น เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว เช่นเดียวกับการลงทุนของต่างชาติ เขาก็จะนำเงินมาพักไว้ที่ตลาดหุ้นด้วย ตลาดหุ้นไทยเลยแข็งขึ้น

แต่เศรษฐกิจทั้งโลกในปีหน้านี้ จะตกตํ่ามากที่สุดในรอบ 3-4 ปี จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาล “ประยุทธ์ 2” ต้องหามาตรการตั้งรับให้ดี รวมทั้งต้องหยุด “เกม” การเมืองให้นิ่งโดยเร็ว เหลือเวลาอีกแค่ครึ่งปีแล้ว ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ “บิ๊กตู่” ก็ไม่มีแผ่นดินอยู่เหมือนกันนะจะบอกให้