โลกเฮข่าวดี G20 ทรัมป์-สี กดปุ่ม “หยุด”สงครามการค้า เปิดช่องเจรจา

29 มิ.ย. 2562 | 09:21 น.

ข่าวดีมีจริง แม้จะชั่วครู่ชั่วคราว แต่ก็ทำให้บรรยากาศการลงทุนและตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกที่รอฟังผลการพบกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการพบปะนอกรอบการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศ G20 เสาร์นี้ (29 มิ.ย.) ได้กลับมาคึกคักกันอีกครั้งหลังจากเฝ้าลุ้นระทึกในความอึมครึมมานานนับสัปดาห์

โลกเฮข่าวดี G20 ทรัมป์-สี กดปุ่ม “หยุด”สงครามการค้า เปิดช่องเจรจา

เป็นอีกครั้งที่ผู้นำสหรัฐอเมริกาและจีนหารือกันนอกรอบเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง (สื่อจีนให้ตัวเลขชัดเจนกว่านั้นว่าการพบกันครั้งนี้ใช้เวลา 80 นาที) จากนั้นโลกก็ได้รับข่าวดีว่า ทั้งสองผู้นำตกลงใจที่จะระงับสงครามการค้า “เป็นการชั่วคราว” อีกครั้ง เพื่อเปิดโอกาสให้คณะเจรจาของทั้งสองฝ่ายเริ่มรื้อฟื้นการเจรจาคลี่คลายปัญหาการค้าที่มาถึงทางตันเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
 

ทั้งประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี ยืนยันว่าจากนี้ทั้งสองฝ่ายจะยังไม่มีการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรใส่กันอีกแต่ไม่ได้ระบุชัดจะเป็นเช่นนั้นไปยาวนานแค่ไหน  ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวหลังการพบปะว่า การหารือเป็นไปด้วยดีอย่างที่ควรจะเป็น “เรากลับมาอยู่ในลู่ทางที่ควรเป็นอีกครั้ง” นั่นหมายถึงกระบวนการเจรจาเพื่อร่วมกันคลี่คลายปัญหาจะดำเนินการต่อไป

สองผู้นำ นำข่าวดีมาสู่ประชาคมโลกอีกครั้ง

ส่วนประเด็นเกี่ยวกับการคว่ำบาตรบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ยักษ์ใหญ่อุปกรณ์โทรคมนาคมของจีน ผู้นำสหรัฐฯเปิดเผยว่า เขา “อาจจะ”ยกเลิกการสั่งห้ามบริษัทอเมริกันไม่ให้ขายผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีให้กับหัวเว่ยก็เป็นได้ แต่เรื่องนี้ก็เป็นประเด็นหนึ่งที่ต้องมีการเจรจากัน และการจะยกเลิกคำสั่งหากมีขึ้น ก็ต้องเป็นผลจากการเจรจาหารือร่วมกันนั้นว่าจะมีผลออกมาเป็นเช่นไร ประธานาธิบดีสหรัฐฯยังคาดหมายว่า หลังการพบกันครั้งนี้ จีนจะสั่งซื้อสินค้าการเกษตรของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
 

“ผมเชื่อมั่นว่าเราเคยมาใกล้จุดที่จะบรรลุข้อตกลงกันได้แล้ว แต่ก็มีเหตุการณ์บางอย่างทำให้การเจรจาซัดเซไปเล็กน้อย แต่ ณ ขณะนี้เรากลับมาใกล้ถึงจุดนั้นอีกครั้ง” ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวด้วยความหวังว่า ถ้าหากสหรัฐฯและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงที่เท่าเทียมและเป็นธรรม โลกก็จะต้องจารึกไว้เป็นประวัติศาสตร์

โลกเฮข่าวดี G20 ทรัมป์-สี กดปุ่ม “หยุด”สงครามการค้า เปิดช่องเจรจา

ด้านผู้นำจีน มีการออกแถลงการณ์โดยกระทรวงการต่างประเทศว่า จีนหวังว่าสหรัฐฯจะปฏิบัติต่อบริษัทเอกชนของจีนอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม  “40 ปีมานี้ สถานการณ์โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายมหาศาล รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ แต่มีความจริงพื้นฐานอย่างหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นคือ จีนและสหรัฐฯต่างได้รับประโยชน์จากความร่วมมือ และในทางตรงข้าม ต่างก็สูญเสียจากการขัดแย้งและเผชิญหน้ากัน”

 

โฆเซ เอนเจิล เกอร์เรีย เลขาธิการใหญ่องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (โออีซีดี) ให้ความเห็นผ่านซีเอ็นบีซี สื่อใหญ่ของสหรัฐฯว่า ถ้าหากการพบปะหารือระหว่างทั้งสองผู้นำล้มเหลว ผลของมันจะมีอานุภาพทำลายล้างอย่างมาก นั่นหมายถึงทุกประเทศในโลกจะได้รับผลกระทบถ้วนหน้า เพราะทั้งสหรัฐฯและจีนมีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจขนาดมหึมากับนานาประเทศทั่วโลก ดังนั้น ผลการพบปะในเชิงลบจะส่งผลกระทบในเชิงลบมากๆอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง 

 

ด้าน นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการใหญ่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แสดงความยินดีกับผลการหารือที่ออกมาในเชิงบวก ก่อนหน้านี้ ไอเอ็มเอฟเคยประมาณการณ์ว่า การตั้งกำแพงภาษีใส่กันระหว่างจีนและสหรัฐฯจะมีผลทำให้จีดีพีโลกหดตัวลงได้ถึง 0.5% ในปีหน้า (2563) “การกลับมาเข้าสู่กระบวนการเจรจากันได้อีกครั้งระหว่างจีนและสหรัฐฯนับเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะกำแพงภาษีที่เพิ่มขึ้นและมีผลบังคับใช้แล้วนั้นกำลังฉุดรั้งทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และประเด็นปัญหาที่ยังตกลงกันไม่ได้ก็สร้างความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตเป็นอย่างมาก”