กรุงศรีฯแนะ ใช้นโยบายคลัง “พยุงศก.-บาทแข็ง”

04 ก.ค. 2562 | 07:40 น.

กรุงศรีอยุธยา แนะใช้มาตรการคลัง พยุงเศรษฐกิจ เร่งอัดฉีดงบ 9 หมื่นล้านบาท เหตุนโยบายการเงินมีกระสุนจำกัด ชี้แนวโน้มบาทแข็งต่อ จากเฟดลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.94 หมื่นล้นดอลลาร์สหรัฐฯ กดบาทสิ้นปีแตะ 30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

               นายตรรก บุนนาค ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอลมาร์เก็ต บมจ.ธนาคาร กรุงศรีอยุธยาเปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงบ้าง แต่เชื่อว่า ทั้งปี2562 กนง.จะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.75% เพราะหากต้องการลดดอกเบี้ย เพื่อลดการแข็งค่าของเงินบาท มองว่ามีผลน้อยมาก เพราะขีดความสามารถ(Policy Space) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีเหลือจำกัด เมื่อเทียบกับธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ที่ปรับขึ้นดอกเบี้ยถึง 9 ครั้ง ขณะที่ธปท.ขึ้นดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง เมื่อเดือนธันวามคม 2561

กรุงศรีฯแนะ ใช้นโยบายคลัง “พยุงศก.-บาทแข็ง”

               อย่างไรก็ดี การใช้นโยบายเพื่อดูแลภาพรวมเศรษฐกิจและดูแลค่าเงิน มองว่า เมื่อดูขีดความสามารถของนโยบายการเงิน (Policy Space) และนโยบายการคลัง ผ่านงบประมาณการคลัง (Fiscal Budjet)แล้ว จะเห็นว่านโยบายการคลังเหลือค่อนข้างมาก โดยมีงบประมาณกลางปีที่สามารถใช้ได้กว่า 9 หมื่นล้านบาท ที่สามารถใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพียงพอไปอีก 1 ไตรมาส แม้ว่างบประมาณปี 2563 จะเลื่อนออกไป

หากเราใช้มาตรการลดดอกเบี้ยเพื่อลดบาทแข็ง จะมีผลน้อย เพราะเราอยู่ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว การส่งออกติดลบ เราควรใช้มาตรการคลังมาช่วย ส่วนมาตรการดูแลค่าบาทธปท.มีตั้งแต่เบาไปหาหนัก แต่จะเห็นว่าการใช้มาตรการหนักก็ไม่ช่วย เหมือนตอนปี 2556 ที่เงินบาทแข็ง 28.55 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ใช้มาตรการค่าเงินกลับมาอ่อนชั่วขณะ และกลับมาแข็งค่าอีก เพราะเรามีปัจจัยภายนอก

               ทั้งนี้ หากดูแนวโน้มค่าเงินบาทในช่วงครึ่งปีหลังยังคงมีความผันผวนทิศทางแข็งค่า โดยไตรมาสที่ 3 มองอยู่ที่ 30.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 อยู่ที่ 30.37 บาทต่อดอลลารสหรัฐฯ และไตรมาสที่ 2 ปี 2563 อยู่ที่ 30.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

กรุงศรีฯแนะ ใช้นโยบายคลัง “พยุงศก.-บาทแข็ง”

ปัจจัยกดดันเงินบาทแข็งค่า ส่วนหนึ่งมาจากเงินดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.94 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ และปัจจัยเงินทุนไหลเข้าจากเฟดที่ส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ย คาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในการประชุมเดือนกรกฎาคม เดือนกันยายน และภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2563 ส่งผลให้กระแสเงินทุนไหลเข้าได้ โดยเทียบปี 2561 ต่างชาติขายสุทธิในหุ้นราว 2.8 แสนบ้านบาท เทียบช่วงครึ่งปีแรก 2562 ต่างชาติซื้อหุ้นสุทธิ 5 หมื่นล้านบาท และในปี 2561 ต่างชาติซื้อพันธบัตรสุทธิ 1 แสนล้านบาท ซึ่งผ่านมาครึ่งปีแรกต่างชาติซื้อสุทธิ 2 หมื่นล้านบาท

               “แม้ว่าเงินบาทไทยไม่ได้แข็งค่าที่สุดในโลก และตอนนี้เงินบาทแข็งค่านำภูมิภาค เพราะปัจจุบันทุกคนมองไทย เป็นประเทศที่ 2 รองจากญี่ปุ่น เป็นประเทศหลุมหลบภัย หรือ Safe Heaven ถ้าดูในตลาดเกิดใหม่ ไทยเป็นเงิรสกุลเดียวที่เงินไหลเข้าเร็วและแรง ทำให้ในช่วงที่ค่าเงินแข็ง ไทยจะแข็งที่สุด ช่วงที่ค่าเงินอ่อน ไทยจะอ่อนน้อยที่สุด เพราะไทยมีเงินทุนสำรองกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จึงถูกมองเป็นที่พักเงินที่ปลอดภัย จึงมาพีกเงินชั่วคราว

กรุงศรีฯแนะ ใช้นโยบายคลัง “พยุงศก.-บาทแข็ง”