ปิดดีล! กระหึ่มโลก ไอบีเอ็มทุ่ม3.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐซื้อเรดแฮท

10 ก.ค. 2562 | 07:18 น.

ไอบีเอ็ม ปิดดีล  3.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ทุ่มซื้อเรดแฮทอย่างเป็นทางการ เดิมพันก้าวย่างสำคัญสู่อนาคตของโอเพ่นไฮบริดคลาวด์

ปิดดีล! กระหึ่มโลก ไอบีเอ็มทุ่ม3.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐซื้อเรดแฮท

นางจินนี โรเม็ตตี ประธาน บริษัประธานกรรมการและซีอีโอของไอบีเอ็ม กล่าวว่าไอบีเอ็มและเรดแฮทได้ประกาศผลสำเร็จของธุรกรรมการเข้าซื้อทั้งหุ้นสามัญที่ออกจำหน่ายและอยู่ในมือผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดในราคา 190 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นรวมเป็นกรรมสิทธิหุ้นมูลค่า 34,000 ล้านเหรียญสหรัฐโดยประมาณ

 

การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ถือเป็นการกำหนดนิยามใหม่ของตลาดคลาวด์สำหรับธุรกิจเป็นการผนวกเทคโนโลยีไฮบริดคลาวด์แบบโอเพ่นของเรดแฮทเข้ากับนวัตกรรมและความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมต่างๆที่เหนือใครรวมถึงความเป็นผู้นำด้านการขายในกว่า 175 ประเทศของไอบีเอ็ม การผนึกกำลังของไอบีเอ็มและเรดแฮทจะนำสู่แพลตฟอร์มมัลติคลาวด์แบบไฮบริดแห่งอนาคตที่จะช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมโดยแพลตฟอร์มคลาวด์บนพื้นฐานของเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สอย่างลินุกซ์และคูเบอร์เนทิสจะช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับใช้รันและบริหารจัดการข้อมูลและแอพพลิเคชันบนคลาวด์ทั้งที่อยู่ในองค์กร(on premise) ไพรเวทคลาวด์และแบบพับลิคคลาวด์ที่มีผู้ให้บริการหลายราย

 

“ธุรกิจต่างๆกำลังก้าวเข้าสู่แชปเตอร์ต่อไปของดิจิทัลรีอินเวนชันการปรับโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีให้มีความทันสมัยและการย้ายเวิร์คโหลดสำคัญๆ(mission-critical workloads) ระหว่างไพรเวทคลาวด์และคลาวด์จากผู้ให้บริการหลายราย

 

องค์กรต่างๆจะต้องการโอเพ่นเทคโนโลยีที่มีความยืดหยุ่นที่จะช่วยให้สามารถบริหารจัดการระบบคลาวด์แบบไฮบริดที่มีการใช้งานคลาวด์หลายรูปแบบและจากผู้ให้บริการหลายรายและองค์กรเหล่านี้จะต้องการพันธมิตรที่น่าเชื่อถือในการเข้ามาช่วยบริหารจัดการและเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบของตนไอบีเอ็มและเรดแฮทคือตัวเลือกหนึ่งเดียวที่จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ในฐานะผู้นำบริการไฮบริดคลาวด์เราพร้อมแล้วที่จะช่วยวางรากฐานเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับลูกค้าเพื่อรองรับทศวรรษที่กำลังจะมาถึง”

 

 

 

 

 

 

เวลาที่เราพูดคุยกับลูกค้าความท้าทายที่ลูกค้าของเราต่างกำลังเผชิญคือการที่จะต้องเดินหน้าให้เร็วกว่าและสร้างความแตกต่างผ่านการนำเทคโนโลยีมาใช้องค์กรต่างๆกำลังมองถึงการสร้างวัฒนธรรมที่มีความร่วมมือกันมากกว่านี้และต้องการโซลูชันที่ให้ความยืดหยุ่นในการสร้างและใช้แอพหรือเวิร์คโหลดต่างๆไม่ว่าที่ไหน” นายจิม ไวท์เฮิร์ทส์  ประธานกรรมการและซีอีโอของเรดแฮท กล่าว“เรามองว่าโอเพ่นซอร์สจะกลายเป็นมาตรฐานที่แท้จริงของเทคโนโลยีเพราะจะเข้ามาสนับสนุนโซลูชันต่างๆเหล่านี้การผนึกกำลังกับไอบีเอ็มช่วยให้เรดแฮทมีโอกาสนำนวัตกรรมโอเพ่นซอร์สไปสู่กลุ่มองค์กรต่างๆมากขึ้นและช่วยให้เราสามารถขยายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการโซลูชันไฮบริดคลาวด์ที่ตรงกับความต้องการและมีความคล่องตัวอย่างแท้จริง”

 

เรดแฮทจะอยู่ภายใต้การนำของนายจิม ไวท์เฮิร์สท์ และทีมผู้บริหารปัจจุบันต่อไป โดยนายไวท์เฮิร์สท์จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมผู้บริหารระดับสูงของไอบีเอ็มและรายงานตรงต่อนางจินนีโรเม็ตตีโดยสำนักงานใหญ่ของเรดแฮทจะคงอยู่ที่เมืองราลีห์รัฐนอร์ธแคโรไลนาภายใต้รูปแบบสำนักงานแบรนด์และแนวทางปฏิบัติแบบเดิม

 

ทั้งนี้เรดแฮทจะดำเนินการเป็นส่วนงานที่แยกออกมาชัดเจนภายในไอบีเอ็มและจะรายงานผลประกอบการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจคลาวด์และค็อกนิทิฟซอฟต์แวร์

 

ทั้งสององค์กรได้สร้างคลาวด์เอ็นเตอร์ไพรซ์ชั้นนำสำหรับองค์กรมาอย่างต่อและมีการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่งจากการเข้าช่วยลูกค้าย้ายโมเดลทางธุรกิจต่างๆสู่ระบบคลาวด์

 

 

รายได้คลาวด์ของไอบีเอ็ม เติบโตจาก 4% ของรายได้ทั้งหมดในปี 2556 สู่ 25% ในปัจจุบัน อันเป็นผลมาจากโซลูชันซอฟต์แวร์บริการบริหารจัดการด้านไอทีและฮาร์ดแวร์ในรูปแบบบริการ(as-a-service) ที่ครอบคลุมที่ช่วยให้ไอบีเอ็มสามารถให้คำแนะนำสร้างเคลื่อนย้ายหรือบริหารจัดการโซลูชันคลาวด์ต่างๆระหว่างสิ่งแวดล้อมแบบพับลิคไพรเวทหรือภายในองค์กร(on-premise) ให้กับลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตลอดระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมานับจนถึงไตรมาสแรกของปีนี้รายได้ของไอบีเอ็มคลาวด์โตขึ้นจนสูงกว่า 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าการเข้าซื้อกิจการเรดแฮทจะนำสู่การเติบโตประจำปีของไอบีเอ็มเพิ่มขึ้น 2 จุดในระยะเวลา 5 ปี

 

ในปีงบประมาณ 2562 เรดแฮทมีรายได้ 3,400 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบปีต่อปีมีรายได้ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2563 ตามที่รายงานในเดือนมิถุนายน 934 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบปีต่อปี รวมถึงรายได้ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแอพพลิเคชันและบริการเทคโนโลยีเกิดใหม่ที่เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบปีต่อปี ขณะที่รายได้ของบริการด้านไอทีเติบโต 17%

 

 จุดหมายดังกล่าวและในฐานะที่องค์กรทั้งคู่กำลังร่วมกันสร้างบริษัทไอทีแห่งอนาคตพวกเขาจะเป็นส่วนสำคัญของเส้นทางดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของเรา”