เปิดโผหุ้นเด่น รับครม.ชุดใหม่

11 ก.ค. 2562 | 08:46 น.

บล.ทิสโก้เปิดโผหุ้นเด่นรับครม.ชุดใหม่ คาดรัฐบาลอัดฉีดเงินเกือบ 3.5 แสนล้านกระตุ้นเศรษฐกิจคาดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเร็วไตรมาส 4  

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัดเปิดเผยว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี‘ประยุทธ์ 2/1’ได้รับโปรดเกล้าฯแล้ว คาดว่า นโยบายเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจที่รัฐบาลจะแถลงช่วงปลายเดือนกรกฎาคม จะเกี่ยวข้องกับนโยบายหลักของ 3 พรรคร่วม เช่น การเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, การดูแลราคาสินค้าเกษตร ได้แก่ ข้าว ยาง ปาล์ม, การลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และการขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ รวมทั้งเร่งรัดโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ โดยเฉพาะโครงการใน EEC ให้มีความคืบหน้ามากยิ่งขึ้น

เปิดโผหุ้นเด่น รับครม.ชุดใหม่

ทั้งนี้ประเมินว่า เมื่อรวมทุกนโยบาย จะเป็นเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 3.5 แสนล้านบาทต่อปีคิดเป็น 2% ต่อGDP โดยปัจจัยที่ต้องติดตามคือ รัฐบาลจะสามารถเดินหน้านโยบายได้ทั้งหมดหรือไม่ เพราะอาจมีข้อจำกัดในการขาดดุลงบประมาณ และต้องจับตาว่า รัฐบาลจะสามารถผลักดันโครงการต่างๆ ให้เห็นผลในเชิงประจักษ์ได้มากน้อยแค่ไหน

“เม็ดเงินที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจปีละ 3.5 แสนล้านบาทจะมาจาก 1. ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและโครงการมารดาประชารัฐ 7.2 หมื่นล้านบาทต่อปี 2. ดูแลราคาสินค้าเกษตร 1 แสนล้านบาทต่อปี และ 3.ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% สำหรับคนชั้นกลาง 1.7 แสนล้านบาท แต่ด้วยข้อจำกัดการขาดดุลงบประมาณ ที่คาดว่า จะขาดดุลได้ไม่เกิน 6.3 - 7.2 แสนล้านบาทต่อปี จึงทำให้รัฐบาลอาจต้องลดทอนนโยบายบางอย่าง หรือหั่นมาตรการที่มีอยู่เดิม”นายอภิชาติกล่าว 

อย่างไรก็ตาม หลังประกาศนโยบายและเริ่มเดินหน้าโครงการต่างๆ คาดว่า เม็ดเงินจะอัดฉีดเข้ามาในระบบอย่างเร็วที่สุดภายในไตรมาส 4/2562 แต่ภายใต้ความไม่แน่นอนของสงครามการค้าสหรัฐฯ กับจีน และแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้ บล.ทิสโก้ยังชอบหุ้นอิงเศรษฐกิจในประเทศที่คาดว่า จะได้ประโยชน์จากการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ ทั้งในแง่ของการบริโภค และการลงทุน  แต่ด้วยดัชนีหุ้นไทยปีนี้ปรับขึ้นมาถึง 11%  ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายปี 2562 ที่ 1,790 จุดแล้ว ดังนั้น จึงต้องเลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์กับการบริโภคในประเทศ แต่ราคายังขึ้นช้าและมี Upside ข้างหน้าอยู่

 สำหรับหุ้นที่แนะนำเกี่ยวกับการบริโภค ได้แก่ BJC, ROBINS และ AEONTS หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุน ได้แก่ AMATA, ROJNA, WHA, EASTW,  CK, STEC, SEAFCO และ PYLON  ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่คาดจะได้ประโยชน์จากแนวโน้มเงินทุนต่างประเทศไหลเข้า  ได้แก่  BBL, INTUCH, MINT และ  TU