“ภูมิใจไทย” ยื่นญัตติด่วนให้สภาตั้งกรรมาธิการฯพิจารณาการต่อสัมปทานทางด่วนให้ “BEM” แจงหากมีข้อพิพาทกับเอกชนต้องสู้ให้ถึงที่สุด ย้ำต้องรักษาผลประโยชน์ชาติ
นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ถกญัตติด่วนเรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมมาธิการ (กมธ.)วิสามัญพิจารณาศึกษา กรณีการต่อสัญญาสัมปทานทางด่วนให้กับบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้า กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) เนื่องจากณัตติด่วนนี้ถือเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ
ส.ส.ภูมิใจไทย กล่าวอีกว่า การต่ออายุสัมปทาน ควรตั้งกรรมาธิการศึกษาพิจารณาให้ครบถ้วนทั้งสองด้าน ถ้าไม่ต่อสัมปทานก็ควรมีเหตุผลและชี้แจงได้ว่า ประเทศชาติและประชาชนได้อะไรบ้าง หรือถ้าต่ออายุสัมปทานมีผลอย่างไรและได้ประโยชน์อย่างไร ควรชี้คำตอบให้ชัดเจน
ส่วนตัวได้ศึกษามาบ้างว่า เรื่องนี้ เคยมีมติเมื่อ 20 ปีที่แล้ว หากมีข้อพิพาทกับเอกชนต้องสู้ให้ถึงที่สุด เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ
แต่เมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ดำเนินการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาท ต้องให้ฝ่ายที่มีอำนาจในปัจจุบันตัดสินใจ และย้ำว่าฝ่ายนิติบัญญัติต้องตรวจสอบความโปร่งใส ส่วนฝ่ายบริหารโดยนายศักดิ์สยามคงตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมือง
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ไม่เห็นด้วยที่จะยอมแพ้เพื่อต่อสัญญาให้เอกชน ที่มีความพยายามสร้างตัวเลขมูลหนี้ที่เกินจริงกว่าแสนล้านบาท จึงเป็นหน้าที่ของสภาที่จะทำให้ทุกเรื่องเกิดความกระจ่าง และเสนอให้ฝ่ายบริหารรับรู้
“มั่นใจว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม คิดเหมือนเพื่อนสมาชิกทุกท่าน แล้วจะพัฒนาทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติมากที่สุดในทุกๆด้าน”
ท้ายสุดแล้ว นายศุภชัย กล่าวว่า ถ้าต่ออายุสัมปทานประชาชนได้ประโยชน์อะไร การทางพิเศษได้ประโยชน์อย่างไร ตนยืนยันแน่นอนว่า อะไรที่ทำแล้วเป็นประโยชน์ต่อประชาชน สมาชิกพรรคภูมิใจไทยและนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.กระทรวงคมนาคม จะสนับสนุนเต็มที่และตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด
ทั้งนี้ ต่อกรณีดังกล่าว นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ อดีตรมว.คมนาคม ขอให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กลับไปทบทวนร่างสัญญาการระงับปัญหาข้อพิพาททุกกรณี กับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มูลค่า5.9 หมื่นล้านบาทเนื่องจากมีการขยายอายุสัมปทานออกไปเป็น 30 ปี นอกจากนั้นสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (สร.กทพ.)เรียกร้องให้มีการทบทวนร่างสัญญาใหม่