โรจนะทุ่ม 7.7พันล. ผุด3นิคมฯ รับคลื่นนักลงทุน
“โรจนะ”โหมพัฒนานิคมฯ 3 พื้นที่ในอีอีซี ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 7.7 พันล้าน รองรับนักลงทุนใน 10 กลุ่มอุตฯเป้าหมาย เชื่อนิคมฯโรจนะแหลมฉบัง จะได้รับจัดตั้งเป็นเขตส่งเสริมพิเศษได้ในเร็วๆ นี้ รองรับการลงทุนได้ 5.5 หมื่นล้านบาท
บริษัทสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) ถือเป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการรายใหญ่ในการพัฒนาสวนและนิคมอุตสาหกรรม ที่ขณะนี้มีแผนที่จะให้พื้นที่นิคมฯอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซีเพิ่มเติมอีก หลังจากเปิดดำเนินงานสวนอุตสาหกรรมโรจนะ บ่อวิน จังหวัดชลบุรี และสวนอุตสาหกรรมโรจนะบ้านค่ายและปลวกแดง จังหวัดระยอง ไปแล้ว ซึ่งปัจจุบันทั้ง 3 พื้นที่นี้ เหลือพื้นที่ขายราว 300 ไร่ และอยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 3 พื้นที่ขึ้นมารองรับการลงทุน ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมโรจนะแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี พื้นที่ราว 843 ไร่ นิคมอุตสาหกรรมโรจนะชลบุรี 2 (เขาคันทรง) พื้นที่กว่า 900 ไร่ และนิคมอุตสาหกรรมหนองใหญ่ จังหวัดชลุบรี พื้นที่ราว 2,300 ไร่ ที่จะใช้เงินลงทุนพัฒนารวมประมาณ 7.7 พันล้านบาท
นายชัยพล พรพิบูลย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJNA เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ขณะนี้นิคมฯโรจนะแหลมฉบัง ในระยะแรกจะพัฒนาแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ จากแผนพัฒนา 4 ปี ใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 2,619.44 ล้านบาท หรือ เฉลี่ยประมาณปีละ 654.9 ล้านบาท ซึ่งได้เปิดขายพื้นที่ควบคู่ไปกับการก่อสร้าง มีนักลงทุนจากญี่ปุ่น2-3รายเข้ามาจองพื้นที่แล้วที่จะลงทุนในกลุ่มโลจิสติกส์ และสินค้าอุปโภคบริโภค ราคาขายอยู่ที่ 6.5 ล้านบาทต่อไร่
ทั้งนี้ นิคมฯดังกล่าว ได้ยื่นขอจัดตั้งเป็นเขตส่งเสริมพิเศษเพื่อกิจการอุตสาหกรรม กับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา คาดว่าจะได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(กพอ.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้ในเร็วๆ นี้ หลังจากที่กรมโยธาธิการและผังเมือง ประกาศใช้ผังเมืองรวมอีอีซี ในเดือนสิงหาคมนี้
สำหรับนิคมฯแห่งนี้ จะจัดสรรพื้นที่ราว 615.5 ไร่ เพื่อรองรับการลงทุนใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร พื้นที่ 123.6 ไร่ คาดก่อให้เกิดการลงทุน 9,900 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมเบา พื้นที่ 75 ไร่ คาดก่อให้เกิดการลงทุน 4,675 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร อุปกรณ์ขนส่ง และอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ พื้นที่ 163 ไร่ คาดก่อให้เกิดการลงทุน 15,400 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ พื้นที่ 220 ไร่ คาดก่อให้เกิดการลงทุน 23,650 ล้านบาท กลุ่มบริการสาธารณูปโภคหรืออุตสาหกรรมสนับสนุน พื้นที่ 30 ไร่ คาดก่อให้เกิดการลงทุน 1,375 ล้านบาท รวมมูลค่าการลงทุนที่จะเกิดขึ้น 5.5 หมื่นล้านบาท
นายชัยพล กล่าวอีกว่า ส่วนนิคมอุตสาหกรรมโรจนะชลบุรี 2 (เขาคันทรง) เพิ่งได้ลงนามกับทางการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) เป็นนิคมร่วมดำเนินงาน ที่จะใช้เงินลงทุนพัฒนาราว 2,100 ล้านบาท มีแผนพัฒนาให้แล้วเสร็จภายในปี 2564 ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) และหากผ่านขั้นตอนจัดตั้งเป็นนิคมแล้ว จะเสนอเพื่อขอจัดตั้งเป็นเขตส่งเสริมพิเศษต่อไป ที่จะรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วนยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมการแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์แบบครบวงจร อุตสาหกรรมแปรรูปเกษตร และอุตสาหกรรมเบา เป็นต้น
ส่วนนิคมฯโรจนะหนองใหญ่นั้น อยู่ระหว่างการจัดทำอีไอเอ ซึ่งได้เปิดรับฟังความคิดเห็นไป 2 ครั้งแล้ว คาดว่าในปีหน้าจะเริ่มพัฒนาได้เช่นกัน โดยใช้เงินลงทุนราว 3 พันล้านบาท ซึ่งจะรองรับการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายเช่นกัน
สำหรับการเร่งพัฒนานิคมนั้น เนื่องจากขณะนี้นักลงทุนจากต่างประเทศ โดยนักลงทุนจีนและญี่ปุ่น ได้ทยอยย้ายฐานการผลิตมาไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากสงครามการค้า และภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ดีขึ้น ดังนั้นภาวะการลงทุนในปีนี้น่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมา
หน้า 5 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3489 วันที่ 21-24 กรกฎาคม 2562
