คอลัมน์ทางออกนอกตำรา ฉบับ 3490 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 25-27 ก.ค.2562 โดย... บากบั่น บุญเลิศ
‘เสี่ยพิชญ์’เล่นกลดนตรีJAS
ยุทธวิธีสร้างราคา-หาเงิน?!?
ฮอตร้อนแรงในสัปดาห์นี้ ไม่ได้อยู่ที่รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา “แถลงนโยบายต่อรัฐสภา” เพียงเรื่องเดียว ที่ผู้คนใจจดใจจ่อและรอดู...
หากแต่เรื่องการซื้อหุ้นร่วมทุนของบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ที่เสี่ยพิชญ์ โพธารามิก เศรษฐีหุ้นติดอันดับ 1 ใน 10 ด้วยมูลค่ากว่า 3.5 หมื่นล้านบาท ทายาท อดิศัย โพธารามิก ก็กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ในวงการตลาดหุ้น ตลาดทุน ที่มีคนซื้อขายอยู่กว่า 4 แสนคน มูลค่าการซื้อๆ ขายๆ วันละ 5-6 หมื่นล้านบาท
JAS ของเสี่ยพิชญ์นั้นถือเป็นหุ้นติดปีกบิน ในรอบ 1-2 ปีที่ผ่านมาหุ้นตัวนี้ทำให้คนเป็นเศรษฐีกันในชั่วพริบตามาแล้ว
หุ้น JAS ที่เคยยืนอยู่ในระดับ 0.40 บาท/หุ้น เคยถีบตัวมาอยู่ ที่ 4.50 บาท สร้างความรํ่ารวยให้กับผู้ถือหุ้นนับ 27,500 ราย
และนับตั้งแต่ต้นปี 2562 เป็นต้นมา หุ้นที่เคยยืนราคา 4.50-5.0 บาท ถีบตัวขึ้นมายืนที่ระดับ 7.80 บาท/หุ้น ลองเอาจำนวนหุ้น 8,153 ล้านหุ้น มาบวกลบคูณหารจากราคาที่เพิ่มขึ้นหุ้นล่ะ ดูจะพบว่า ผู้ถือหุ้น JAS รวยขึ้น 22,800-26,900 ล้านบาท
หากนับตั้งแต่ปี 2555 ที่ JAS หันมาลุยธุรกิจอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ราคาหุ้น JAS วิ่งซิ่งฝ่าด่านจากราคา 1.5-2 บาท ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 10 บาท ในช่วงกลางปี 2556 เรียกว่าขึ้นขาเดียวมาตลอดทาง
ใครเป็นนักลงทุนไปดูกราฟย้อนหลัง 8 ปีที่แล้วมาก็ได้ คนที่เล่นหุ้นตัวนี้มีโอกาส “รวยไม่รู้เรื่อง” มาแล้ว 3-4 รอบ ครั้งแรก จากราคา 0.40 บาท ไปเกือบ 4 บาท ก่อนพักย่อดัมพ์ราคาเอาของจากหมูตู้ที่เป็นแมลงเม่าขวัญอ่อน
ครั้งที่ 2 จากราคาหุ้นละ 1.5-2 บาท วิ่งรวดเร็วไป 10 บาท...รวยไม่รู้เรื่องกันมากมาย ขายทิ้งกลางทางก็มากโข
หลังจากนั้น “เสี่ยพิชญ์และเสี่ยมาชะลอ” ผู้เคยเป็นมือทำราคาจัดปาร์ตี้เชือดหมูเมื่อ 2 ปีก่อน ด้วยวิธีการหยุดเลี้ยงดูปูเสื่อ ราคาหุ้นจึงร่วงลงมาเหลือ 3 บาท ปฏิบัติการช้อนหุ้นเข้ารังจึงตามมา ก่อนขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ 10.20 บาทเศษ...จนพริบตา รวยอื้อซ่า ถ้าไล่ตาม“เสี่ยมา”...เค้าทัน...
รอบที่ 4 ปี 2562 นี่แหละ ด้วยสตอรีที่ผู้อำนวยการสร้างจัดทำ หุ้น JAS ไต่เพดานมาตลอดจาก 5 บาทกว่า ไปยืนที่ 7.80-7.90 บาท ตามแผนยุทธการดันดารา
เป็นยุทธการ “ดันดารา” ท่ามกลางการทยอยซื้อหุ้นและขายหุ้นออกของ พิชญ์ โพธารามิก ตามจังหวะจะโคนอยู่เสมอ จากที่เคยถืออยู่ 79% ในอดีต ตอนนี้เหลือ 56%
เป็นยุทธการ “ดันดารา” ท่ามกลางปัญหาว่า เสี่ยพิชญ์มีภาระ “หนี้” เงินกู้ส่วนตัวอยู่ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ อยู่ประมาณ 2-2.2 หมื่นล้านบาท ที่กู้ไปตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้น JAS และ JAS-W3 จากนักลงทุนทั่วไป (ช่วงเดือน ก.ย.2559) เป็นการซื้อหุ้น JAS จำนวน 2,126.30 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 7.25 บาท มูลค่า 15,416 ล้านบาท และซื้อ JAS-W3 จำนวน 1,849.98 ล้านหน่วย ราคาหน่วยละ 3.68 บาท มูลค่า 6,808 ล้านบาท
และถึงแม้ที่ผ่านมา คณะกรรมการ JAS จะผลักดันให้บริษัทจ่ายปันผลมาแล้วกว่า 6 ครั้ง รวมเป็น 1.25-1.50 บาทต่อหุ้น เฉพาะ “เสี่ยพิชญ์” ได้รับเงินปันผลตามสัดส่วนการถือหุ้นไปกว่า 5,000-5,500 ล้านบาท แต่นั่นเพียงพอแค่จ่ายดอกเบี้ยเท่านั้น
ยุทธการดันดารา...ให้ขึ้น หรือลง จึงเกิดขึ้นเป็นช่วงๆ เป็นรอบๆ มาตลอด ไม่เชื่อไปตรวจสอบระดับการขึ้นลงของราคาในช่วง 4-5 ปี ที่ผ่านมาได้ว่า หุ้น JAS ออกฤทธิ์ให้มีคนรวย และมีคนตาย เป็นรายทางมาตลอด
นับตั้งแต่วันที่ 9- 22 กรกฎาคม 2562 มีข่าวอื้ออึงกันในตลาดและวงการสื่อสารที่ถูกปล่อยออกมาคือ JAS อยู่ระหว่างการเจรจากับ บริษัท โคเรีย เทเลคอมมิวนิเคชั่นฯ (KT) ยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ มาซื้อหุ้นร่วมทุน คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
นอกจากนี้ ก็มีข่าวออกมาว่า บริษัทสื่อสารในไทย 2 รายใหญ่ ก็ให้ความสนใจเข้าซื้อกิจการ JAS ไม่ว่าจะเป็น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิสฯ หรือ ADVANC และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่นฯ หรือ DTAC จะเข้ามาซื้อหุ้นร่วมทุนกับ JAS เพื่อเสริมทัพธุรกิจให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงที่ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ 3BB บริษัทลูกของ JAS ซึ่งมีฐานลูกค้าอยู่ร่วม 2.85-3.1 ล้านราย เป็นอันดับ 2 รองจากค่ายทรู ที่เป็นผู้นำด้านอินเตอร์เน็ต
ข่าวนี้ในระยะต้นดันราคาหุ้นพ่อแม่ลูก JAS ให้ปรับตัวสูงขึ้นมาตลอดช่วงกลางเดือนวันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2562 ราคาอยู่ที่ 7.85 บาท ตลอดอาทิตย์นั้นราคาขึ้นไป 3.29% ในรอบ 1 เดือนนั้นราคาขึ้นมา 15.44% และในรอบ 3 เดือนย้อนกลับไปราคาปรับขึ้นมากว่า 40%
ส่วนราคา JASIF ช่วง 1 เดือน ปรับขึ้น 8.49% และรอบ 3 เดือน ราคาปรับขึ้นไป 11.65% แม้ในวันที่ผมเขียนต้นฉบับราคาหุ้นจะลดลง แต่ลดลงไม่ถึงกำไรที่ได้เด้อสิบอกไห่
ใครจับที่หัวใจได้ทัน...บอกคำเดียวว่ารวย!
ประเด็นที่น่าสนใจคือ มีผู้สนใจซื้อหุ้นร่วมทุน JAS จริงหรือ มีใครทำอะไรบางอย่างอยู่ที่ JAS!
วาณิชธนกิจรายหนึ่งบอกผมว่า ราคาหุ้น JAS ที่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเป็นสัญญาณไม่ค่อยดีนัก นักลงทุนต้องระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ...
การควบรวมโครงข่ายโทรคมนาคมระหว่าง JAS กับ ดีแทค เพื่อรองรับเทคโนโลยีด้านการสื่อสารไร้สายกับการสื่อสารแบบมีสาย มีความเป็นไปได้ทางธุรกิจในการควบรวมหากทางดีแทคต้องการอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ แต่ถ้าพิจารณาในระยะยาวเทคโนโลยี 5 จี เพื่อธุรกิจ จะเข้ามาแทนที่อินเตอร์เน็ต ดีแทคคงคิดหนัก
วาณิชธนกิจรายนี้บอกว่า เขาไม่แน่ใจว่าผู้บริหารดีแทคต้องการอะไร และถ้าไปดูราคาจะพบว่า ราคาหุ้นดีแทคไม่ได้ขยับแถมลงเสียด้วยจาก 60 บาท เหลือ 58 บาท...แสดงว่าข่าวนี้ ไม่ดีกับดีแทคในสายตานักลงทุน หรือถ้าดี ก็มีใครบางคนแอบเล่นกลด้านราคาบางประการอยู่...เขาว่าแบบนั้น
ผมก็ซอกแซกถามไปที่ผู้จัดการกองทุนรายหนึ่งว่า ข่าวการเข้ามาร่วมทุนของ JAS บอกนัยอะไรให้ผู้ถือหุ้นและธุรกิจสื่อสารบ้าง!
เขาบอกว่า ข่าวนี้ดีต่อ JAS มากที่สุด เพราะ JAS มีปัญหาเรื่องเบี้ยวเงินประมูลกับ กสทช. จึงขยายกิจการลำบากแล้ว จึงต้องการเปลี่ยนตัวเล่น เปลี่ยนบริษัทมาเล่นนั่นทางหนึ่ง
ทางที่ 2 ให้ไปดูข้อมูลที่กรรมการ JAS บอกว่า ภารกิจหลักของบริษัทในขณะนี้ คือการจำหน่ายทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงทริปเปิลที บรอดแบนด์ (TTTBB) ให้กับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตจัสมิน (JASIF) ที่กำหนดราคาซื้อขายทรัพย์สินที่ราคาไม่เกิน 38,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัท อเมริกัน แอ๊พเพรซัล (ประเทศไทย) และบริษัท ซี.ไอ.ที.แอพเพรซัล จำกัด ประเมินราคาไว้
ยุทธการนี้จะมีผลต่อราคารทรัพย์สิน หุ้น JAS หุ้นของ บมจ.ทริปเปิลที บรอดแบนด์ (TTTBB) เพราะเป็นการขายทรัพย์ออกไป จึงต้องได้เงินมา และแผนการกู้ยืมเงินจากธนาคารมาใช้ในการซื้อกว่า 18,000 ล้านบาท การระดมทุนจากนักลงทุนที่มาซื้อกองทุนอีกมหาศาล...แน่นอนว่าถ้าทำสำเร็จจะมีคนที่ได้...ซึ่งคือผู้ถือหุ้น JAS ทุกคน
ปฏิบัติการของการเจรจาขายกิจการอาจมีจริง เพราะถ้าดูประวัติของหุ้นตัวนี้ ยามใดที่มีข่าวใหญ่หุ้น JAS จะขยับขึ้นมาก่อนหน้าเสมอ เสมือนประหนึ่งมี Inside Trading และการที่มีข่าวออกมาย่อมทำให้ราคาขยับแทบทุกครั้ง และทุกครั้งมักมี “มันนี่เกม” โดย The man behind the scene มือฉมังที่รู้จักกันในยุทธภพของกลุ่มผู้รักดนตรีแจ๊ซ
ยุทธการสร้างราคา หาเงิน ของ JAS ที่ว่ากันว่ามี “เสี่ยมา ช่าละละล้า” อยู่เบื้องหลังคอยกำกับการดันดารา จะเป็นเช่นที่วาณิชธนกิจ และผู้จัดการกองทุนว่าไว้หรือไม่...โปรดรอลุ้นด้วยความระทึกในฤทัย!