NC COCONUT ยกระดับสู่ เกษตรกร 4.0 ปั้นยอดขายทะลุ 500 ล้านปี63
ขึ้นชื่อว่ามะพร้าวนํ้าหอมใครๆ ก็ชื่นชอบและผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวก็สร้างอุตสาหกรรมต่อเนื่อง จนนับไม่ถ้วน มีเกษตรกรจำนวนมากมายที่เริ่มต้นจากการทำสวนมะพร้าวนํ้าหอม แต่ไม่สำเร็จ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฟูมฟักมะพร้าวนํ้าหอมให้เติบโตจนมาถึงมือผู้บริโภคที่ชื่นชอบรับประทาน
แต่ก็มีเกษตรกรจำนวนมากเช่นกันที่ประสบผลสำเร็จในการทำชาวสวนมะพร้าว นํ้าหอมโดยเฉพาะ “หนุ่ย” ณรงค์ศักดิ์ ชื่นสุชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นซี โคโคนัท จำกัด ที่สามารถต่อยอดยกระดับตัวเองไปสู่เกษตรสมัยใหม่ได้อย่างงดงาม
“หนุ่ย” เล่าถึงภูมิหลังให้ฟังว่า ก่อนที่จะผันตัวเองเป็นนักธุรกิจเต็มรูปแบบ ครอบครัวทำสวนปลูกพืช-ผักผลไม้ตามฤดูกาล กระทั่งปี 2532 หันไปเน้นการปลูกองุ่นในพื้นที่ 17 ไร่ ควบคู่กับการปลูกมะพร้าวนํ้าหอมในพื้นที่ 31 ไร่ที่อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ขณะนั้นยอมรับว่ามีรายได้จากการขายองุ่นค่อนข้างดี แต่ต้องเสี่ยง เพราะอยู่กับสารเคมี และเหนื่อยกับการดูแลรักษาผลผลิต จึงเลิกปลูกองุ่น และหันมาโฟกัสที่สวนมะพร้าวนํ้าหอมอย่างเดียว
“ช่วงนั้น แม้ราคามะพร้าวนํ้าหอมยังไม่ดีเท่ากับขายองุ่นแต่ก็มีรายได้เข้ามาสม่ำเสมอราคาต่อลูกสมัยก่อน 2-3 บาท จนปัจจุบันราคามะพร้าวนํ้าหอมหน้าสวนขึ้นมาอยู่ที่ 10-12 บาทต่อลูก บวกกับคนนิยมบริโภคมะพร้าวนํ้าหอมกันมากขึ้นเป็นทวีคูณ”
ปี 2532 เมื่อ “หนุ่ย” เข้ามาดูแลสวนมะพร้าวเต็มตัว ก็พัฒนายกระดับไปสู่การเป็นเกษตรกร 4.0 เริ่มจากนำมะพร้าวในสวนออกไปขายส่งยังตลาดไทย จากอาชีพทำสวนมาสู่ผู้ค้าส่งมะพร้าวนํ้าหอม และไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเองเพียงเท่านี้ จึงหันมาเพิ่มมูลค่ามะพร้าวนํ้าหอมโดยการปอกเปลือกนำมะพร้าวไปต้มและเผา จนสามารถเปิดตลาดขายส่งมะพร้าวเผาได้อีกทาง
พลิกวิกฤติเป็นโอกาสแตกไลน์ธุรกิจ
“หนุ่ย” ยอมรับว่าการทำธุรกิจไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เพราะระหว่างทางย่อมมีอุปสรรค พบปัญหามะพร้าวมีรอยร้าวบางส่วนทำให้สูญเสียนํ้ามะพร้าวและเนื้อมะพร้าวไปทุกวัน เขาจึงพลิกวิกฤตินี้เป็นโอกาสโดยการแตกไลน์ธุรกิจขึ้นมาอีกตัวคือการผลิตวุ้นมะพร้าวในลูกมะพร้าวเพื่อลดการสูญเสีย ในจังหวะนี้ทำให้เกิดการยกระดับสินค้าโดยการสร้างแบรนด์ “NC COCONUT” ขึ้นมา
“การขยับตัวของเราเมื่อปี 2552 ตั้งธุรกิจในรูปบริษัทเต็มตัว จากเกษตรกร มาสู่ผู้ค้าส่ง และไปยังผู้แปรรูป และมาถึงสถานะที่เป็นผู้ส่งออกได้อย่างเต็มตัวแล้วขณะนี้”
ต้องการแสนลูกต่อวัน
ปัจจุบัน แบรนด์ “NC COCONUT” จะต้องใช้วัตถุดิบคือมะพร้าวนํ้าหอมที่มาจากพื้นที่ปลูกของตัวเองและเครือญาติรวมกว่า 1,000 ไร่ที่จังหวัดราชบุรี และมาจากกลุ่มเกษตรกรในเครือข่ายรวมแล้วราว 3,000 ไร่ จะมีปริมาณมะพร้าวนํ้าหอมเข้าสู่ระบบตั้งแต่ 50,000-60,000 ลูกต่อวันเพื่อนำไปใช้แปรรูปเป็นสินค้า 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์คือ ใช้ทำวุ้นมะพร้าวนํ้าหอมสัดส่วน 10%, มะพร้าวนํ้าหอมสดหรือมะพร้าวควั่น 70%, สัดส่วน 5% สำหรับขายสดให้โรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทย และ 15% สำหรับเจียส่งออกให้เหลือแต่กะลามะพร้าว รวมถึงแปรรูปเป็นนํ้าและเนื้อแช่แข็งส่งออก โดยรวมแล้วผลิตภัณฑ์มะพร้าวแบรนด์ “NC COCONUT” จะผลิตเพื่อส่งออกราว 95% และขายในประเทศ 5% โดยปัจจุบันตลาดส่งออกหลักไปที่จีนจะมีสัดส่วนมากถึง 50% ของการส่งออกทั้งหมด จะมีความต้องการสินค้าทุกโปรดักต์ที่ผลิตออกมาและจีนมีกำลังซื้อสูง เพราะชอบมะพร้าวนํ้าหอมของไทย และสัดส่วนอีก 50% จะกระจายไปยังตลาดยุโรป อเมริกา มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง
“หนุ่ย” ตั้งความหวังว่าธุรกิจมะพร้าวนํ้าหอมจะทำรายได้เติบโตต่อเนื่องจากรายได้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่ทำยอดขายได้กว่า 300 ล้านบาท ปี 2562 ตั้งเป้าว่า จะเพิ่มเป็นกว่า 400 ล้านบาท และภายในปี 2563 ถ้ามีมะพร้าวนํ้าหอมป้อนเข้าสู่ระบบได้กว่า 100,000 ลูกต่อวัน จะทำให้บริษัทมียอดขายทะลุ 500 ล้านบาทภายในปี 2563
สำหรับช่องทางการขายผลิตภัณฑ์มะพร้าวนํ้าหอม “NC COCONUT” ปัจจุบันมีมะพร้าวนํ้าหอมเจียวางขายในเทสโก้โลตัส และวุ้นมะพร้าวนํ้าหอมและมะพร้าวควั่นวางขายในห้างกลุ่มเดอะมอลล์ เช่นในศูนย์การค้าสยามพารากอน ดิเอ็มโพเรียม ฯลฯ และส่งออก หรือติดต่อที่ช่องทางเว็บไซต์ www.nccoconut.co.th
ปัจจุบันการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศประสบผลสำเร็จอย่างมาก เนื่องจากมีคำสั่งซื้อเข้ามาจนต้องขยายโรงงาน ขยายปริมาณมะพร้าวนํ้าหอมมาเข้าระบบมากขึ้น ตามเป้าที่ตั้งไว้ ถือว่าเส้นทางส่งออกราบรื่นดีโดยเฉพาะตลาดอเมริกาจะได้เครือข่ายเอเยนต์รายใหญ่ด้านผัก-ผลไม้ ส่วนที่ฮ่องกงก็เลือกสินค้าไปขายหน้าร้านหลังจากที่ยอมรับในคุณภาพ โดยเฉพาะที่จีนมีร้านขายผลไม้ที่มีเครือข่ายอยู่ในมือ 3,000 สาขา และขายผ่านช่องทางอาลีบาบา ก็เลือกสินค้าไปขายทั้งในรูปออนไลน์และออฟไลน์
“หนุ่ย” บอกว่าจุดเด่นที่แบรนด์ “NC COCONUT” มัดใจลูกค้า เริ่มมาจากที่เป็นผู้ค้าที่มีต้นกำเนิดมาจากพื้นฐานเกษตรกรตัวจริง และมีการพัฒนาไปสู่เกษตรสมัยใหม่โดยมีการแปรรูปมีการส่งออก รวมถึงเป็นสินค้าที่ได้มาตรฐาน GI มะพร้าวนํ้าหอมราชบุรี เป็นการปลูกในแหล่งที่ถูกต้องได้มาตรฐาน และมีองค์ความรู้ว่าช่วงไหนนํ้ามะพร้าวจะได้รดชาติดี นอกจากนี้มะพร้าวนํ้าหอมมีประโยชน์เป็นคุณต่อร่างกาย
ทำธุรกิจยึดหลัก 3 สิ่ง
สำหรับหลักในการทำธุรกิจ “หนุ่ย” บอกว่า จะคิดเสมอว่าทำอะไรต้องมอง 3 สิ่งคือ ทำแล้วตัวเราได้ประโยชน์, ทำแล้วชุมชนได้ประโยชน์ และทำแล้วประเทศชาติได้ประโยชน์ ส่วนการแข่งขันเกิดขึ้นกับทุกธุรกิจอยู่แล้วให้มองเป็นเรื่องปกติ และหันมาโฟกัสสินค้าให้มีคุณภาพดีอย่างสมํ่าเสมอ แค่นี้ก็จะทำให้สินค้าเป็นที่ยอมรับและแข่งขันได้เองในที่สุด
หน้า 8 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3492 วันที่ 1-3 สิงหาคม 2562
