Kin Kao ปั้นธุรกิจดีลิเวอรี เสริมสวัสดิการดีๆ พนักงานองค์กร
ดีลิเวอรีอาหาร แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับคนไทยในยุคนี้ แต่การพัฒนาธุรกิจดีลิเวอรีอาหาร ให้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการสร้างสวัสดิการที่ดีให้พนักงาน ทำให้พนักงานเกิดความรู้สึกดีๆ และรับรู้ว่าผู้บริหารใส่ใจกับความเป็นอยู่ของพนักงานจริงๆ บริการเล็กๆ ตรงนี้ ก็สามารถทำให้ สถานที่ทำงานหลายๆ แห่ง กลายเป็น Happy Work Place ให้กับพนักงานได้ และ Kin Kao คือ 1 ใน 15 ทีมสตาร์ตอัพปีที่ 7 จากงาน Pitch Da
“แพ็กกี้ - ภัณฑิรา กัวเซต์” และ “แซม - ซามูเอลกัวเซต์” ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท กินข้าว (ไทยแลนด์) จำกัด บอกว่า Kin Kao เป็นบริการส่งอาหารดีลิเวอรีที่ช่วยให้พนักงาน ได้รับสวัสดิการอาหารเที่ยงฟรีตรงเวลา เพื่อตอบโจทย์สูงสุดคือให้ทั้งองค์กรและทั้งพนักงานมีความสุขกันทั้ง 2 ฝ่ายจากประสบการณ์ที่เคยทำงานในธุรกิจสตาร์ตอัพ GROUPON จากสหรัฐอเมริกา ที่ขายดีลบนเว็บไซต์ ทั้งอาหาร สปา และอื่นๆ และยังเคยร่วมงานกับ เทนเซ็นต์ เกี่ยวกับเรื่องอาหารด้วยเช่นกัน ทำให้ทั้งคู่เห็นโอกาสและช่องทางการตลาด
จึงออกมาเริ่มธุรกิจกินข้าว เมื่อปี 2017
“ตอนทำงานใน GROUPON ทุกวันศุกร์ เขาจะมีจัดงานเลี้ยงพนักงาน เอชอาร์จะสั่งอาหารมาให้ สิ่งที่พวกเราคิดตอนนั้นคือ ทำไมอาหารไม่อร่อยเลย ทำไมอาหารซํ้าๆ เป็นความจำเจ เราก็คิดว่า ทำไมพนักงานไม่สามารถเลือกเองได้ เพราะแต่ละคนอยากกินไม่เหมือนกัน”
จากโจทย์ตรงนั้น ทำให้กลายมาเป็นคอนเซ็ปต์ของKIn Kao ที่บริษัทสามารถให้สวัสดิการอาหารเที่ยงกับพนักงาน โดยพนักงานสามารถเลือกเมนูที่ตัวเองชอบได้ ภายใต้งบประมาณที่บริษัทกำหนดไว้ เริ่มต้นเดือนละ 1,000 บาทต่อคน หรือประมาณ 50 บาทต่อคนต่อวัน โดย Kin Kao จะมีเมนูให้เลือกประมาณ 20 เมนู มีตั้งแต่อาหารทั่วไป จนไปถึงอาหารคลีน หรือ Vegan (วีแกน) สำหรับคนรักสุขภาพ ทุกวันเมนูจะเปลี่ยนไป ตามพาร์ตเนอร์ร้านอาหารที่มีอยู่ เมื่อร้านอาหารนำอาหารมาส่ง Kin Kao จะทำหน้าที่ติดสติกเกอร์ และจัดส่งอาหารถึงที่ทำงานก่อนเที่ยง
“เราให้บริการเฉพาะมื้อเที่ยงกับองค์กรเท่านั้น เพราะเป็นเวลาที่ทุกคนอาจจะยังยุ่ง ทำงานติดพัน หรือบางคนไม่อยากลงไปต่อคิว หรือต้องผจญกับอากาศร้อน และเมื่อทุกคนมีอาหารกลางววันทานด้วยกัน จะทำให้เกิดการสื่อสาร สร้างความสัมพันธ์ในองค์กร ซึ่งตรงกับเป้าหมายเราที่ต้องการพัฒนาวัฒนธรรมองค์กร แก้ปัญหาการลาออก ด้วยบริการเล็กๆ ที่สำคัญสำหรับทุกคน”
“คุณแพ็คกี้” บอกว่า สาเหตุที่เลือกดิวกับบริษัท เพราะต้องการสร้างโวลุ่ม และการสั่งซํ้า และการดิวตรงกับบริษัท นอกจากสร้างประโยชน์ในแง่การสร้างวัฒนธรรมองค์กรแล้ว ส่วนของ Kin Kao เองก็จะได้คอมมิตเมนต์ที่ชัดเจน มีสัญญาระบุ หากมีการยกเลิก ต้องมีการแจ้งล่วงหน้า โดยขณะนี้มีบริษัทที่เป็นลูกค้าแล้วกว่า 50 ราย มียอดการส่งอาหารต่อวันเฉลี่ย3 พันกล่อง ซึ่งคาดว่าในปีหน้าจะทำให้ได้ 1 หมื่นกล่องต่อวันและได้เริ่มขยายบริการไปสู่สแน็ก ซึ่งออฟฟิศบางแห่งจะมีอาหารทานเล่น และเครื่องดื่ม ไว้ให้พนักงาน
“ลูกค้าเราส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่ทันสมัย ดูแลวัฒนธรรมองค์กรที่ดี ต้องการทำให้พนักงานมีความสุข เด็กรุ่นใหม่ก็มักมองหาองค์กรที่มีสวัสดิการที่ดี ซึ่งจะเป็นตัวดึงดูดให้มีคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมงานกับองค์กรได้”
“แซม” บอกว่า คีย์ซักเซส ของ Kin Kao คือ การมีทีมงานที่เข้มแข็ง และการให้บริการที่ดีมากๆ ซึ่งขณะนี้ Kin Kao มีพนักงานอยู่กว่า 10 คน นอกจากนี้ ยังต้องให้ความสำคัญกับการรักษาคุณภาพ หากลูกค้าหรือพนักงานไม่ได้อาหารตามที่ต้องการ หรือเกิดข้อผิดพลาดอะไร สามารถแจ้งกลับผ่านไลน์โดยตรงได้เลยซึ่งทาง Kin Kao จะมีรีฟันด์ให้กับพนักงานเหล่านั้น
การสร้างมาตรฐานในบริการ ทำให้ Kin Kao สามารถสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองได้ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่เริ่มบริการ แม้จุดเริ่มต้นจะมีปัญหาบ้าง จากความไม่เข้าใจของฝ่ายเอชอาร์ของแต่ละองค์กร แต่เมื่อมีการให้ข้อมูล ชี้แจงรายละเอียด ฝ่ายเอชอาร์จะเห็นประโยชน์จากบริการนี้ ซึ่งในปีหน้า Kin Kao มีแผนที่จะขยายตลาดไปสู่ฮ่องกง และสิงคโปร์ เพราะเป็นตลาดที่มีโอกาส องค์กรส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเรื่องของสวัสดิการพนักงาน ซึ่ง Kin Kao เองก็จะไม่หยุดแค่การขยายบริการทางด้านอาหาร อนาคตจะมีบริการด้านกิจกรรมพนักงานภายในองค์กร หรือการสร้างทีมบิวดิ้งให้กับองค์กรเพิ่มเติม และเมื่อขยับไปถึงจุดนั้น นั่นคือ การเดินหน้าไปสู่ ซีรี่ย์ เอ แน่นอน
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,492 วันที่ 1 - 3 สิงหาคม พ.ศ. 2562
