ธนชาตรับตึ๊งรถคันแรกชูผ่อนแสนละ 59 บาท/วัน
แบงก์ธนชาต ส่งแคมเปญ "สินเชื่อธนชาตรถแลกเงิน" จับกลุ่มลูกค้าโครงการรถคันแรก ชูผ่อนแสนละ 59 บาทต่อวัน ดอกเบี้ย 3.18% ไม่ต้องคืนภาษีรัฐบาล เผยเห็นสัญญาณเอ็นพีแอลดีกว่ารถปกติเท่าตัว แถมตลาดเช่าซื้อ 2 เดือนยังดร็อป หวังคนแห่ใช้ 1 หมื่นราย เม็ดเงิน 3 พันล้านบาท จากพอร์ตปัจจุบันมีอยู่ 3 หมื่นล้านบาท
[caption id="attachment_41157" align="aligncenter" width="335"]
ธีระชาติ จิรจรัสพร
ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดสินเชื่อรถยนต์
ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (บมจ.)[/caption]
นายธีระชาติ จิรจรัสพร ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดสินเชื่อรถยนต์ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (บมจ.) เปิดเผยว่า สินเชื่อเช่าซื้อภาพรวม 2 เดือนแรก ยังมีแนวโน้มชะลอตัว แต่จะเห็นว่าราคารถมือสองทยอยปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากรถยึดน้อยลง และการปรับภาษีของกรมสรรพสามิตส่งผลให้ในตลาดมีความต้องการรถมือสอง เพราะรถใหม่จะมีราคาแพงขึ้น ประกอบกับสถาบันการเงินในช่วงที่ผ่านมามีการปรับพอร์ตสินเชื่อ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้ราคารถมือสองเริ่มดีขึ้น แต่ยังไม่ได้อยู่ในระดับปกติเหมือนในอดีต
อย่างไรก็ดี จากแนวโน้มคุณภาพหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของลูกค้าโครงการรถยนต์คันแรกที่ดีกว่ารถยนต์ที่ซื้อใหม่ปกติกว่าเท่าตัว เนื่องจากลูกค้ารถคันแรกจะมีเงินดาวน์ที่ค่อนข้างสูง ตลอดจนราคารถไม่แพง ทำให้วงเงินการผ่อนชำระต่องวดไม่สูงมาก ทำให้ความสามารถในการผ่อนชำระสะท้อนความเป็นจริง จึงทำให้มีหนี้เสียที่เกิดจากโครงการดังกล่าวน้อยมากเมื่อเทียบกับสินเชื่อรถยนต์ปกติ ตลอดจนยอดขายรถยนต์ใหม่ที่ยังคงไม่ได้ขยายตัวดีมากนักในปีนี้
ดังนั้น ธนาคารจึงได้จัดแคมเปญ "สินเชื่อธนชาตรถแลกเงิน" เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สิทธิ์โครงการรถคันแรก สามารถขอสินเชื่อรถแลกเงินได้โดยไม่ต้องคืนภาษีให้รัฐบาล โดยรถที่จะใช้สิทธิ์จะต้องเป็นรถเก๋งผลิตในประเทศขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1500 ซีซี และรถกระบะทุกรุ่นที่ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ที่ซื้อหรือจดทะเบียนในช่วงปี 2555-2558 จะเป็นลูกค้าเก่าของธนาคารหรือลูกค้าจากสถาบันการเงินอื่น รวมถึงผู้ที่ซื้อรถคันแรกด้วยเงินสดก็ได้ ธนาคารจะให้วงเงินสูงสุด 3 แสนบาท หรือ 100% ของราคาประเมิน คิดอัตราดอกเบี้ย 3.18% ทุกรุ่นทุกปี ซึ่งค่อนข้างต่ำกว่าตลาดที่คิดดอกเบี้ยอยู่ที่ประมาณ 3.75% ส่วนอัตราการผ่อนแสนละ 59 บาทต่อวัน หรือประมาณ 1.7 พันบาทต่อเดือน ระยะเวลาผ่อนชำระ 4-5 ปี
ทั้งนี้ ธนาคารคาดว่าจะมีลูกค้าจากโครงการรถคันแรกเข้ามาใช้บริการประมาณ 1 หมื่นราย คิดเป็นเม็ดเงินสินเชื่อประมาณ 3 พันล้านบาท จากจำนวนลูกค้าในโครงการทั้งหมด 1.2 ล้านราย ซึ่งธนาคารมีลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการโครงการดังกล่าวในสัดส่วน 20%
สำหรับภาพรวมตลาดรถแลกเงิน ธนาคารมองว่าอัตราการขยายตัวจะเพิ่มขึ้นตามยอดขายรถยนต์ในตลาด และความผันผวนของเศรษฐกิจไม่ค่อยมีปัญหากับตลาดรถแลกเงินมากนัก เนื่องจากเป็นสินเชื่อที่มีวัตถุประสงค์ทั้งในเรื่องของการเสริมสภาพคล่องและการลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาพอร์ตสินเชื่อรถแลกเงินรวมรถมือสองที่มีอยู่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท จากพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อทั้งหมด จะเป็นการขอวงเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องประมาณ 50% และอีก 50% เป็นวงเงินเพื่อการลงทุน สะท้อนว่าตลาดยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง
"เราย้อนกลับไปดูพอร์ตรถยนต์คันแรกกับรถยนต์ใหม่ที่ซื้อปกติตั้งแต่ปี 2555-ปัจจุบัน และเอามาเทียบกันจะพบว่าเอ็นพีแอลรถยนต์คันแรกดีกว่าเท่าตัว เราจึงเอามาทำโปรแกรมรถแลกเงิน และหวังว่าจะมีลูกค้าสนใจโครงการนี้กว่า 1 หมื่นราย"
Photo : ธนชาต
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,143 วันที่ 27 - 30 มีนาคม พ.ศ. 2559
[caption id="attachment_41157" align="aligncenter" width="335"]
ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดสินเชื่อรถยนต์
ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (บมจ.)[/caption]
นายธีระชาติ จิรจรัสพร ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดสินเชื่อรถยนต์ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (บมจ.) เปิดเผยว่า สินเชื่อเช่าซื้อภาพรวม 2 เดือนแรก ยังมีแนวโน้มชะลอตัว แต่จะเห็นว่าราคารถมือสองทยอยปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากรถยึดน้อยลง และการปรับภาษีของกรมสรรพสามิตส่งผลให้ในตลาดมีความต้องการรถมือสอง เพราะรถใหม่จะมีราคาแพงขึ้น ประกอบกับสถาบันการเงินในช่วงที่ผ่านมามีการปรับพอร์ตสินเชื่อ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้ราคารถมือสองเริ่มดีขึ้น แต่ยังไม่ได้อยู่ในระดับปกติเหมือนในอดีต
อย่างไรก็ดี จากแนวโน้มคุณภาพหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของลูกค้าโครงการรถยนต์คันแรกที่ดีกว่ารถยนต์ที่ซื้อใหม่ปกติกว่าเท่าตัว เนื่องจากลูกค้ารถคันแรกจะมีเงินดาวน์ที่ค่อนข้างสูง ตลอดจนราคารถไม่แพง ทำให้วงเงินการผ่อนชำระต่องวดไม่สูงมาก ทำให้ความสามารถในการผ่อนชำระสะท้อนความเป็นจริง จึงทำให้มีหนี้เสียที่เกิดจากโครงการดังกล่าวน้อยมากเมื่อเทียบกับสินเชื่อรถยนต์ปกติ ตลอดจนยอดขายรถยนต์ใหม่ที่ยังคงไม่ได้ขยายตัวดีมากนักในปีนี้
ดังนั้น ธนาคารจึงได้จัดแคมเปญ "สินเชื่อธนชาตรถแลกเงิน" เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สิทธิ์โครงการรถคันแรก สามารถขอสินเชื่อรถแลกเงินได้โดยไม่ต้องคืนภาษีให้รัฐบาล โดยรถที่จะใช้สิทธิ์จะต้องเป็นรถเก๋งผลิตในประเทศขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1500 ซีซี และรถกระบะทุกรุ่นที่ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ที่ซื้อหรือจดทะเบียนในช่วงปี 2555-2558 จะเป็นลูกค้าเก่าของธนาคารหรือลูกค้าจากสถาบันการเงินอื่น รวมถึงผู้ที่ซื้อรถคันแรกด้วยเงินสดก็ได้ ธนาคารจะให้วงเงินสูงสุด 3 แสนบาท หรือ 100% ของราคาประเมิน คิดอัตราดอกเบี้ย 3.18% ทุกรุ่นทุกปี ซึ่งค่อนข้างต่ำกว่าตลาดที่คิดดอกเบี้ยอยู่ที่ประมาณ 3.75% ส่วนอัตราการผ่อนแสนละ 59 บาทต่อวัน หรือประมาณ 1.7 พันบาทต่อเดือน ระยะเวลาผ่อนชำระ 4-5 ปี
ทั้งนี้ ธนาคารคาดว่าจะมีลูกค้าจากโครงการรถคันแรกเข้ามาใช้บริการประมาณ 1 หมื่นราย คิดเป็นเม็ดเงินสินเชื่อประมาณ 3 พันล้านบาท จากจำนวนลูกค้าในโครงการทั้งหมด 1.2 ล้านราย ซึ่งธนาคารมีลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการโครงการดังกล่าวในสัดส่วน 20%
สำหรับภาพรวมตลาดรถแลกเงิน ธนาคารมองว่าอัตราการขยายตัวจะเพิ่มขึ้นตามยอดขายรถยนต์ในตลาด และความผันผวนของเศรษฐกิจไม่ค่อยมีปัญหากับตลาดรถแลกเงินมากนัก เนื่องจากเป็นสินเชื่อที่มีวัตถุประสงค์ทั้งในเรื่องของการเสริมสภาพคล่องและการลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาพอร์ตสินเชื่อรถแลกเงินรวมรถมือสองที่มีอยู่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท จากพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อทั้งหมด จะเป็นการขอวงเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องประมาณ 50% และอีก 50% เป็นวงเงินเพื่อการลงทุน สะท้อนว่าตลาดยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง
"เราย้อนกลับไปดูพอร์ตรถยนต์คันแรกกับรถยนต์ใหม่ที่ซื้อปกติตั้งแต่ปี 2555-ปัจจุบัน และเอามาเทียบกันจะพบว่าเอ็นพีแอลรถยนต์คันแรกดีกว่าเท่าตัว เราจึงเอามาทำโปรแกรมรถแลกเงิน และหวังว่าจะมีลูกค้าสนใจโครงการนี้กว่า 1 หมื่นราย"
Photo : ธนชาต
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,143 วันที่ 27 - 30 มีนาคม พ.ศ. 2559