รมว.คลังเตรียมปรับโครงสร้างภาษีรองรับการลงทุนในอนาคต ชี้สั่งการให้ สศค.และกรมจัดเก็บรายได้ศึกษาแนวทางที่เหมาะสมแบบเท่าเทียม เผยเตรียมขยายกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ และส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลสู่ฐานราก
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายในงานสัมมนาประจำปี บางกอกโพสต์ ฟอรัม 2019 ในหัวข้อ“Roadmap to Success: Up Close with Thailand’s New Ministers”จัดขึ้น ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์แอทเซ็นทรัลเวิลด์ วานนี้(5ส.ค.62) ว่า กระทรวงการคลังจะดำเนินการเรื่องการปฏิรูปโครงสร้างการจัดเก็ยบรายได้ของประเทศให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพื่ออนาคต โดยได้มีการมอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ร่วมกับกรมจัดเก็บรายได้ 3 กรม ได้แก่ กรมสรรพากร ,กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร ร่วมกันศึกษาแนวทางที่จะสามารถปรับปรุงยกระดับการจัดเก็ยรายได้ให้สามารถดูแลเรื่องการลงทุน และรักษาวินัยการเงินการคลังไว้ได้ด้วย
ทั้งนี้ แนวทางในการปฏิรูปนั้นลำดับแรกจะต้องเป็นระบบภาษีที่สร้างความเท่าเทียมอย่างเหมาะสม แต่ไม่ใช่การจ่ายภาษีในระดับเท่ากันหมด โดยจะต้องเป็นความเหมาะสมสำหรับประชาชน ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และผู้ประกอบการเอกชน อีกทั้งจะต้องมุ่งเน้นเรื่องประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการจัดเก็บ โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ เพื่อให้ภาระของผู้เสียภาษีลดน้อยลง นอกจากนี้ อาจจะมีการจัดเก็บภาษีในรูปแบบใหม่เกิดขึ้น เนื่องจากโลกของการทำธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงไป เช่น การค้าขายออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันภาษีอีคอมเมิร์ซอยู่ในระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของกฤษฎีกา โดยที่กระทรวงการคลังนำเสนอผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ดี ภาษีอีคอมเมิร์ซยังมีรูปแบบใหม่อีกมาก โดยปัจจุบันมีบริษัทขนาดใหญ่จากต่างประเทศเข้ามาทำธุรกิจในไทย ซี่งเป็นเรื่องของระดับสากล โดยจะต้องมีการพิจารณาว่าจะมีการจ่ายภาษีอย่างไรหรือไม่ แต่ในขณะเดียวกันภาษีรูปแบบใหม่จะต้องสร้างความสมดุล และทำให้ไทยเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล เพราะเราต้องการส่งเสริม Startup และคนตัวเล็ก โดยต้องไปพิจาณาว่าระบบภาษีรูปแบบใดที่เป็นธรรม สามารถส่งเสริมประเทศในการลงทุน และสร้างนวัตกรรมใหม่สำหรับคนตัวเล็ก ซึ่งจะต้องสร้างฐานภาษีที่กว้างขวางพอสนับสนุนการลงทุน ขับเคลื่อนการลงทุน การพัฒนาประเทศ ไม่ใช่แค่โครงสร้างพื้นฐาน เรื่องของคน เทคโนโลยี ซึ่งภายในระยะเวลา 3 เดือนเรากำลังทำเรื่องดังกล่าวนี้
“เมื่อมีรายจ่ายมากขึ้นเราก็ต้องขยายฐานภาษี โดยจะมีภาษีรูปแบบใหม่ ซึ่งอาจจะมีภาษีที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน แต่ประเด็นคือเราจะพิจารณาควบคู่กันไปว่าการที่จะปรับเปลี่ยนภาษีมีผลกระทบอย่างไรต่องบประมารแผ่นดิน เพราะฉะนั้นจะดูให้เกิดความสมดุล และเป็นธรรมสำหรับผู้เสียภาษี เราต้องมีการพิจารณาควบคู่กันไปด้วยการการขยายฐานภาษีมีผลอย่างไรต่องบประมาณหรือไม่รายจ่ายเพิ่มขึ้น”
นายอุตตม กล่าวต่อไปอีกว่า กระทรวงจะดำเนินการขยายกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ที่รัฐบาลเดิมก่อตั้งเอาไว้ เพื่อเป็นช่องทางให้เกิดการลงทุนในประเทศโดยคนไทย โดยปัจจุบันกองทุนดังกล่าวอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีการระดมทุนครั้งแรกโดยคนไทยรายเล็กเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงต่อยอดขยายโครงสร้างการเงินดิจิทัลของประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยให้เท่าเทียมกับระดับภูมิภาค โดยจะต้องขยายไปให้ถึงเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งจะนำไปสู่เป้าหมายการเป็นเศรษฐกิจสังคมดิจิทัลได้อย่างแท้จริง