“อุตตม”เล็งปรับโครงสร้างภาษีเพื่อการลงทุนในอนาคต

05 ส.ค. 2562 | 11:55 น.

รมว.คลังเตรียมปรับโครงสร้างภาษีรองรับการลงทุนในอนาคต  ชี้สั่งการให้ สศค.และกรมจัดเก็บรายได้ศึกษาแนวทางที่เหมาะสมแบบเท่าเทียม  เผยเตรียมขยายกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์  และส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลสู่ฐานราก

“อุตตม”เล็งปรับโครงสร้างภาษีเพื่อการลงทุนในอนาคต

                นายอุตตม  สาวนายน  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  เปิดเผยภายในงานสัมมนาประจำปี บางกอกโพสต์ ฟอรัม 2019 ในหัวข้อ“Roadmap to Success: Up Close with Thailand’s New Ministers”จัดขึ้น ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์แอทเซ็นทรัลเวิลด์ วานนี้(5ส.ค.62) ว่า  กระทรวงการคลังจะดำเนินการเรื่องการปฏิรูปโครงสร้างการจัดเก็ยบรายได้ของประเทศให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น  เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพื่ออนาคต  โดยได้มีการมอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ร่วมกับกรมจัดเก็บรายได้ 3 กรม ได้แก่  กรมสรรพากร  ,กรมสรรพสามิต  และกรมศุลกากร ร่วมกันศึกษาแนวทางที่จะสามารถปรับปรุงยกระดับการจัดเก็ยรายได้ให้สามารถดูแลเรื่องการลงทุน  และรักษาวินัยการเงินการคลังไว้ได้ด้วย

                ทั้งนี้  แนวทางในการปฏิรูปนั้นลำดับแรกจะต้องเป็นระบบภาษีที่สร้างความเท่าเทียมอย่างเหมาะสม  แต่ไม่ใช่การจ่ายภาษีในระดับเท่ากันหมด  โดยจะต้องเป็นความเหมาะสมสำหรับประชาชน  ภาคอุตสาหกรรม  ภาคบริการ  และผู้ประกอบการเอกชน  อีกทั้งจะต้องมุ่งเน้นเรื่องประสิทธิภาพ  และประสิทธิผลในการจัดเก็บ  โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้  เพื่อให้ภาระของผู้เสียภาษีลดน้อยลง  นอกจากนี้  อาจจะมีการจัดเก็บภาษีในรูปแบบใหม่เกิดขึ้น  เนื่องจากโลกของการทำธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงไป เช่น การค้าขายออนไลน์  ซึ่งปัจจุบันภาษีอีคอมเมิร์ซอยู่ในระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของกฤษฎีกา  โดยที่กระทรวงการคลังนำเสนอผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ดี  ภาษีอีคอมเมิร์ซยังมีรูปแบบใหม่อีกมาก  โดยปัจจุบันมีบริษัทขนาดใหญ่จากต่างประเทศเข้ามาทำธุรกิจในไทย  ซี่งเป็นเรื่องของระดับสากล  โดยจะต้องมีการพิจารณาว่าจะมีการจ่ายภาษีอย่างไรหรือไม่  แต่ในขณะเดียวกันภาษีรูปแบบใหม่จะต้องสร้างความสมดุล  และทำให้ไทยเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล  เพราะเราต้องการส่งเสริม Startup และคนตัวเล็ก  โดยต้องไปพิจาณาว่าระบบภาษีรูปแบบใดที่เป็นธรรม  สามารถส่งเสริมประเทศในการลงทุน  และสร้างนวัตกรรมใหม่สำหรับคนตัวเล็ก  ซึ่งจะต้องสร้างฐานภาษีที่กว้างขวางพอสนับสนุนการลงทุน  ขับเคลื่อนการลงทุน  การพัฒนาประเทศ  ไม่ใช่แค่โครงสร้างพื้นฐาน  เรื่องของคน  เทคโนโลยี  ซึ่งภายในระยะเวลา  3 เดือนเรากำลังทำเรื่องดังกล่าวนี้

“อุตตม”เล็งปรับโครงสร้างภาษีเพื่อการลงทุนในอนาคต

                “เมื่อมีรายจ่ายมากขึ้นเราก็ต้องขยายฐานภาษี  โดยจะมีภาษีรูปแบบใหม่  ซึ่งอาจจะมีภาษีที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน  แต่ประเด็นคือเราจะพิจารณาควบคู่กันไปว่าการที่จะปรับเปลี่ยนภาษีมีผลกระทบอย่างไรต่องบประมารแผ่นดิน  เพราะฉะนั้นจะดูให้เกิดความสมดุล  และเป็นธรรมสำหรับผู้เสียภาษี  เราต้องมีการพิจารณาควบคู่กันไปด้วยการการขยายฐานภาษีมีผลอย่างไรต่องบประมาณหรือไม่รายจ่ายเพิ่มขึ้น”

                นายอุตตม กล่าวต่อไปอีกว่า กระทรวงจะดำเนินการขยายกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ที่รัฐบาลเดิมก่อตั้งเอาไว้  เพื่อเป็นช่องทางให้เกิดการลงทุนในประเทศโดยคนไทย  โดยปัจจุบันกองทุนดังกล่าวอยู่ในตลาดหลักทรัพย์  ซึ่งมีการระดมทุนครั้งแรกโดยคนไทยรายเล็กเป็นส่วนใหญ่  รวมถึงต่อยอดขยายโครงสร้างการเงินดิจิทัลของประเทศ  เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยให้เท่าเทียมกับระดับภูมิภาค  โดยจะต้องขยายไปให้ถึงเศรษฐกิจฐานราก  ซึ่งจะนำไปสู่เป้าหมายการเป็นเศรษฐกิจสังคมดิจิทัลได้อย่างแท้จริง