ยกระดับสงครามการค้าไปอีกขั้น เมื่อสหรัฐฯตราหน้าจีน “ปั่นค่าเงิน”  

06 ส.ค. 2562 | 04:35 น.

เมื่อจีนตอบโต้กลับสหรัฐฯโดยการลดค่าเงินหยวนลงทันที หลังจากโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ทวีตว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนอีก 10 % มีผล 1 กันยายนที่จะถึงนี้  นักวิเคราะห์เปรียบเทียบว่านี่เป็นการเอาคืนระดับ 11 หากไล่ระดับการตอบโต้จาก 1-10 นั่นหมายความว่า นี่เป็นการแก้แค้นแบบสุดโต่งของจีน ซึ่งหากไม่ใช่จีน ก็คงทำไม่ได้เช่นกัน

ยกระดับสงครามการค้าไปอีกขั้น เมื่อสหรัฐฯตราหน้าจีน “ปั่นค่าเงิน”  

ปฎิกิริยาที่เกิดขึ้นทันทีในตลาดทุนคือหุ้นทั่วโลกดิ่งหนัก ตามมาด้วยคำยืนยันของผู้ว่าการธนาคารกลางจีน นายอี้ กัง ที่ออกมายืนยันว่า จีนไม่ได้ใช้หยวนเป็นเครื่องมือในข้อพิพาทการค้าครั้งนี้  โดยกล่าวย้ำในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ว่า ผมมั่นใจเต็มที่ว่าเงินหยวนยังคงเป็นสกุลเงินที่แข็งแกร่ง แม้จะมีความผันผวนและความไม่แน่นอนจากภายนอกก็ตาม”  

 

ขณะที่สหรัฐฯตอบโต้ด้วยการประกาศว่า กระทรวงการคลังที่นำโดยนาย สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ จะเข้าร่วมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมที่เกิดจากจีนประกาศลดค่าเงิน และยังสำทับด้วยการทวีตของผู้นำสหรัฐ ประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ที่ว่า “จีนลดค่าเงินหยวนเกือบจะอ่อนที่สุดในประวัติศาสตร์ การกระทำนี้เรียกว่า “ปั่นค่าเงิน” ธนาคารกลางสหรัฐฯยังฟังอยู่รึเปล่า? นี่เป็นการกระทำที่ละเมิดกฏเกณฑ์ครั้งใหญ่ และจะทำให้จีนอ่อนแอลงเมื่อเวลาผ่านไป”  ซึ่งในทวีตของทรัมป์ยังมีนัยยะที่เรียกร้องไปยังเฟดในลดดอกเบี้ยมากกว่านี้อีก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยออกมาพูดแล้วครั้งหนึ่ง  

สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ
 

การยกระดับสงครามการค้าทั้งสองประเทศ เริ่มต้นขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และ โรเบิร์ทไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เดินทางกลับจากเซี่ยงไฮ้มือเปล่า ไม่มีความคืบหน้าในการเจรจา ตามมาด้วยการทิ้งระเบิดจะผู้นำสหรัฐฯที่ประกาศขึ้นภาษี 10 % มูลค่า 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ผ่านโลกออนไลน์ ซึ่งแน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้การเจรจาทุกอย่างหยุดชะงัก 

 

ยกระดับสงครามการค้าไปอีกขั้น

 

นอกจากค่าเงินหยวนที่อ่อนลงมากที่สุดในรอบ 11 ปีแล้ว จีนยังประกาศลดการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะสินค้านำเขาจากสหรัฐฯก็จะแพงขึ้น และยังเป็นอีกหนึ่งข้อตกลงที่สหรัฐฯเคยเรียกร้องก่อนหน้านี้อยากให้จีนเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรด้วย 

 

นายริชาร์ด ฟรานูโลวิช นักกลยุทธ์ค่าเงินจาก ธนาคารเวตส์แพค ของออสเตรเลีย ให้ความเห็นว่า “การยกระดับสงครามการค้านี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย และยังจะทำร้ายตลาดอีกด้วยซึ่งหากต้องการทำให้ตลาดกลับสู่สภาวะปกติ นี่เป็นสิ่งที่ต้องต่อต้าน”  

 

เวบไซต์บลูมเบิร์กรายงานว่า  การที่ประเทศใดประเทศหนึ่งปั่นค่าเงิน ตามกระบวนการในสหรัฐฯจะไม่มีบทลงโทษในทันทีทันใด แต่จะมีการบรรจุในรายงานต่อสภาคองเกรสทุกๆ 6 เดือน โดยรายงานครั้งต่อไปจะมีขึ้นในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้  แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นและการตอบโต้ของสหรัฐฯนั้นอยู่นอกเหนือกระบวนการ และหากพูดถึงในหลักการแล้ว หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯแต่งตั้งคณะเจรจาขึ้นมาหากไม่มีความคืบหน้าใน1ปี หลังจากนี้จีนอาจต้องเผชิญกับการคว่ำบาตรและการขึ้นบัญชีไม่ให้เข้าร่วมงานกับรัฐบาลสหรัฐฯ  

 

นักวิเคราะห์หลายคนรวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านจีน กล่าวว่า การประนีประนอมอาจเรียกได้ว่าจบลงไปแล้ว ผู้นำทั้งสองประเทศกำลังถลำลึก โดยการตอบโต้ระหว่างกันนี้ มีผู้ชมของทั้งสองประเทศเป็นเดิมพั  กล่าวคือทั้งผู้นำสหรัฐฯและผู้นำจีนต่างก็ต้องการแสดงความแข็งแกร่งให้ประชาชนของตัวเองได้เห็นว่า ไม่อ่อนข้อให้อีกฝ่าย   

 

นายโรดิโก คาทริล นักยุทธศาสตร์การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของ ธนาคารแห่งชาติออสเตรเลีย กล่าวว่า นอกจากที่ต้องเผชิญกับสงครามการค้าและตอนนี้ยังต้องเผชิญกับสงครามค่าเงินอีกด้วย ส่วนนักวิเคราะห์ตลาดหุ้นยังมองว่าหากสถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้ อาจทำให้หุ้นสหรัฐฯร่วงลงได้อีกถึง8% และทุกอย่างจะนำไปสู่ทางตัน ซึ่งได้สะท้อนออกมาจากผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา ทั้งความอ่อนแอในตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร เงินทุนทั้งหมดถูกโยกเข้าสู่สินทรัพย์ที่เป็นสวรรค์ของนักลงทุนหรือเซฟเฮเว่น