Bake a Wish ปัง! ด้วยคุณภาพ จนนักสืบโคนัน ต้องตามหา

11 ส.ค. 2562 | 03:05 น.

Bake a Wish ชื่อแบรนด์นี้ หากถามเมื่อสักกว่า 10 ปีก่อน คงมีน้อยคนนักที่รู้จักแต่มาวันนี้ ก็คงมีน้อยคนนักอีกนั่นแหละที่จะไม่รู้จัก สำหรับเค้กสไตล์ญี่ปุ่น ครีมเยอะ นุ่ม และไม่ทำลายสุขภาพ ซึ่ง “คุณโจ-นิกันติ์ ปรัชญาศิลปวุฒิ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บอกว่า เป็นสูตรเด็ดที่ได้มาจากโกเบ เมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของเค้ก ไม่น้อยหน้าเนื้อโกเบเลยทีเดียว 

ความน่าสนใจของนักบริหารหญิงรุ่นใหม่คนนี้ กับการสร้างแบรนด์ Bake a Wish คือ การสร้างเค้กสไตล์ญี่ปุ่นให้คนรู้จักตั้งแต่เมื่อกว่า 13 ปีก่อน โดยที่ตลาดคนกินเค้กหรือสนใจเบเกอรี่ ยังไม่ค่อยรู้จักเค้กสไตล์ญี่ปุ่นมากนัก เพราะฉะนั้นจากจุดเริ่มต้นที่ยากเย็นมากๆ คือ การให้ความรู้กับผู้บริโภค เพราะปริมาณครีมที่มากถึง 60% แป้ง 40% ต่างจากเค้กฝรั่งที่คนไทยรู้จักอย่างสิ้นเชิง ด้วยปริมาณครีม 10% และแป้ง 90% แต่เค้กสไตล์ญี่ปุ่นนี้ ไม่ทำลายสุขภาพ ครีมปริมาณเยอะ เป็นเนื้อครีมนุ่มๆ ละลายในปาก ไม่หวานเลี่ยนเน้นรสชาติจากวัถุดิบธรรมชาติ 

Bake a Wish ปัง! ด้วยคุณภาพ จนนักสืบโคนัน ต้องตามหา

อีกหนึ่งความยากของการสร้างแบรนด์ Bake a Wish คือ การปรับสูตร เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้เป็นของญี่ปุ่น หากทำตามต้นตำรับทั้งหมด จะทำให้ราคาเค้กที่ได้มาแพงมาก ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของนายทุน ซึ่งก็คือ คุณพ่อของ “คุณโจ” นั่นเอง 

“คุณโจ” เล่าว่า คุณพ่อทำธุรกิจสำนักพิมพ์เม็ดทราย แต่ต้องปิดกิจการไป เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยถนัดเรื่องการทำธุรกิจ และด้วยเงินก้อนสุดท้าย กับความต้องการให้ครอบครัวมีธุรกิจ ประกอบกับความสนใจอยากมีคาเฟ่ดีๆ เป็นของตัวเองและครอบครัวสักที่ จึงให้ลูกๆ ไปลงทุน โดยน้องสาวของคุณโจ เรียนจบมาทาง ด้านเบเกอรี่ จากโอเรียนเต็ล จึงมีความพยายามผลักดันให้ลูกๆ ช่วยกันทำธุรกิจนี้ขึ้นมา โดย “คุณโจ” ซึ่งเรียนภาษาญี่ปุ่น เคยทำอาชีพเป็นล่าม มีเพื่อนเป็นชาวญี่ปุ่นที่แนะนำให้รู้จักกับสูตรเค้กจากโกเบนี้ แต่อย่างที่บอก หากใช้วัตถุดิบจากญี่ปุ่นทั้งหมด ราคาขายอาจจะไม่ได้เป็นอย่างเช่นปัจจุบันนี้ ดังนั้นทั้ง 2 ความยาก คือ การปรับสูตร และการให้ความรู้กับผู้บริโภค จึงเป็นด่านแรกที่เธอและน้องๆ ซึ่งคนหนึ่งดูเรื่องการผลิต อีกคนดูเรื่องการตลาด ต้องฝ่าฟัน เพราะด้วยความเป็นญี่ปุ่น จึงมีความพิถีพิถัน และละเอียดมาก กว่าจะได้สูตรที่เป็น Bake a Wish เช่นทุกวันนี้ 

การเติบโตของ Bake a Wish ยังฝ่าฟันปัญหาอีกหลายด่าน ทั้งคู่แข่ง ทั้งสภาพเศรษฐกิจ ทั้งๆ ที่ตัวเธอเองก็ไม่ได้เก่งกาจทางด้านธุรกิจ และไม่ได้มีเงินทุนเยอะ เพราะฉะนั้นการเติบโตของ Bake a Wish จึงเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ทุ่มเงินกับทำเลดีๆ แต่ก็สามารถขยับเข้าห้างได้ในปีที่ 4 พร้อมๆ กับการขายแฟรนไชส์ จนทำให้สามารถขยายสาขาได้ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดกว่า 30 สาขา 

  “คุณโจ” บอกว่า การทำธุรกิจของเธอเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป นอกจากการสร้างความต่างด้วยสินค้าที่ไม่เหมือนใคร เมื่อเจอปัญหาก็ค่อยๆ แก้ อย่างเมื่อเกือบ 2 ปีที่แล้ว ที่ปัญหาด้านเศรษฐกิจเริ่มส่งผลกระทบกับยอดขาย เธอก็เริ่มออก Bake A Wish Mini ในขนาดที่เล็กลง ราคาที่เบาลง ทำให้สามารถเรียกยอดขายกลับคืนมาได้ เลยกลายเป็นอีกหนึ่งโปรดักต์ที่ได้รับความนิยม ส่วนแฟรนไชส์ที่มีปัญหา เธอพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ 

“เจอปัญหาก็แก้ไปเรื่อยๆ เราเปิดก็มีคู่แข่งเยอะมาก ทำให้เราอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ คู่แข่งทำให้ตลาดเค้กใหญ่ขึ้น เราก็แค่ดูแลตัวเอง ทำให้มีคุณภาพ ท้าทายตัวเรา ตลาดมันโต คู่แข่งเยอะ เราก็ต้องพัฒนาตัวเอง”

Bake a Wish ปัง! ด้วยคุณภาพ จนนักสืบโคนัน ต้องตามหา

ความที่ทำธุรกิจด้วยความพิถีพิถัน ทำให้ Bake a Wish จึงได้รับเลือกจาก PARCO บริษัทได-อิจิ คิคากุ (ประเทศไทย)ฯ จัดยอดนักสืบจิ๋ว โคนัน คาเฟ่ สเตชั่น ซึ่งจะเปิดบริการระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม - 1 กันยายน 2562 ที่บริเวณชั้น G ของสยามเซ็นเตอร์ ซึ่งปีเป็นที่ 2 โดยครั้งนี้ คาเฟ่ยอดนักสืบจิ๋ว โคนัน ปี 2019 มีเมนูพิเศษ 18 เมนู มากกว่าครั้งก่อนเกือบเท่าตัว และยังมีอีก 4 เมนูขนมเค้ก สำหรับ Takeaway จากร้าน Bake A Wish กว่า 14 สาขาทั่วประเทศ

การจัดคาแรกเตอร์ คาเฟ่ ถือเป็นอีกหนึ่งโปรเจ็กต์ที่สร้างรายได้ให้กับ Bake a Wish โดยช่วงปีที่แล้ว สามารถทำรายได้ไปถึง 15-20 ล้านบาท ในช่วงเวลา 2 เดือน และสำหรับแผนงานด้านโปรเจ็กต์ “คุณโจ” มีแผนที่จะทำขึ้นเรื่อยๆ โดยจะมีคาแรกเตอร์ อื่นๆ หมุนเวียน เช่น เซเลอร์มูน จูราสสิค เวิลด์ และอื่นๆ ส่วน ยอดนักสืบจิ๋ว ก็จะวนมาจัดอีกเช่นเคย 

การทำโปรเจ็กต์แต่ละครั้ง ผู้บริหารหญิงคนนี้ บอกว่า เหนื่อยมาก เพราะมีรายละเอียดเยอะ และญี่ปุ่นค่อนข้างพิถีพิถัน แต่ก็ถือเป็นการพิสูจน์ตัวเองว่า คุณภาพระดับญี่ปุ่นยังเลือกเรา มันท้าทายเรา และทำให้เราได้ตลาดอินเตอร์เนชั่นแนลด้วย แถมยังสร้างยอดขายได้ดี จากปกติยอดขายประมาณ 6-7 หมื่นบาทต่อวัน สำหรับช่วงปกติ ที่สาขาสยามเซ็นเตอร์ แต่พอเปิดเป็นคาแรคเตอร์ คาเฟ่ ยอดขายขึ้นมากว่า 3 แสนบาทต่อวัน มีการต่อคิวรอเข้าร้านนานถึง3 ชั่วโมง 

ผู้หญิงคนนี้ยังมีโปรเจ็กต์ดีๆ อีกมากมาย รวมทั้งการขยายสาขาไปที่บีทีเอส และขยายไปต่างประเทศ โดยเธอบอกว่า “ความสำเร็จอยู่ที่เราเป็นแบรนด์ที่ไม่ยอมแพ้ แก้ปัญหา ใส่ใจ จริงใจ และซื่อสัตย์กับลูกค้า พัฒนาแบรนด์ตลอดเวลา ราคาของเราลูกค้าเข้าถึงได้ เป้าหมายของเรา คือการขยายไปทั่วทุกจังหวัด และพยายามคงคุณภาพ ความสดใหม่ของวัตถุดิบ เราอยากไปต่างประเทศมาก แต่เรายังแก้ปัญหาเรื่องความสดใหม่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นตอนนี้เลยเน้นการสร้างฐานในประเทศให้มั่นคงก่อน หลังจากนั้นต่างประเทศไปแน่ๆ ในลักษณะแฟรนไชส์”

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,494 วันที่ 8 - 10 สิงหาคม พ.ศ. 2562

Bake a Wish ปัง! ด้วยคุณภาพ จนนักสืบโคนัน ต้องตามหา