โลกมุ่งทิศทางลดดอกเบี้ย รับมือสงครามการค้า

07 ส.ค. 2562 | 23:03 น.

สัปดาห์แห่งความอลหม่านในตลาดหุ้นโลกซึ่งเริ่มขึ้นด้วยสถิติการดำดิ่งลงมากที่สุดของตลาดภายในวันเดียวเมื่อวันจันทร์ (5 ส.ค.) หลังเงินหยวนอ่อนค่าลงมากที่สุดในรอบ 11 ปี และสัญญาณของสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น เริ่มคลี่คลายลงในช่วงกลางสัปดาห์ (7 ส.ค.) เมื่อบรรดาธนาคารกลางในหลายประเทศเริ่มเคลื่อนไหวไปในทิศทางการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินมากขึ้น ดัชนีหลักทรัพย์ในสหรัฐฯที่ดิ่งในช่วงเปิดตลาดเมื่อวันพุธ ปรับสูงขึ้นเมื่อปิดตลาดรวมทั้งผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ตลาดปริวรรตเงินตรายังคงอ่อนไหวต่อการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในวันเดียวกัน (7 ส.ค.) ของธนาคารกลาง 3 ประเทศ คือ นิวซีแลนด์ อินเดีย และไทย นักลงทุนกระจายความเสี่ยงของสินทรัพย์และหันไปลงทุนในทองคำมากขึ้นจนราคาทองคำเมื่อวันพุธทำสถิตินิวไฮทะลุ 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นราคาสูงสุดในรอบ 6 ปี


 

นักวิเคราะห์เชื่อว่าทิศทางนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางจะผ่อนคลายมากขึ้น แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยังคงสงวนท่าทีเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป แต่หลายประเทศรวมทั้งไทย ก็เริ่มมุ่งสู่ทิศทางการลดดอกเบี้ยลงแล้ว และเฟดเองก็ยังคงได้รับแรงกดดันจากผู้นำสหรัฐฯอย่างต่อเนื่องในเรื่องนี้ โดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตล่าสุดเมื่อวันพุธ (7 ส.ค.) ระบุว่า เฟดจะต้องลดดอกเบี้ยให้มากขึ้นและเร็วขึ้น และต้องยุตินโยบายคุมเข้มทางการเงินทันที โดยย้ำว่าต้องเลิกตอนนี้ เดี๋ยวนี้  

โลกมุ่งทิศทางลดดอกเบี้ย รับมือสงครามการค้า

 

สำหรับการปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้น สื่อใหญ่บลูมเบิร์กระบุว่าเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย โดยจากการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยบลูมเบิร์กจำนวนทั้งหมด 29 คน มีเพียง 2 คนที่คาดการณ์ว่าธปท.จะลดดอกเบี้ยลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 1.5% ทั้งนี้ เชื่อว่าความหวั่นวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯที่ยังร้อนระอุ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างแรงกดดันให้บรรดาธนาคารกลางในหลายๆประเทศทั่วโลกพากันปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น นอกจากไทยแล้ว ยังมีนิวซีแลนด์ และอินเดีย ที่ปรับลดดอกเบี้ยลงมากกว่าความคาดหมาย สำหรับวันพฤหัสฯนี้ (8 ส.ค.) เป็นที่จับตาว่า ธนาคารกลางแห่งประเทศฟิลิปปินส์จะปรับลดดอกเบี้ยลงด้วยหรือไม่ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่าธนาคารกลางฟิลิปปินส์จะลดดอกเบี้ยลง 0.25% หรืออาจจะมากกว่านั้นที่ 0.50% ตามที่นายเบนจามิน ดิออกโน ผู้ว่าการธนาคารเคยระบุไว้ว่าเป็นเป้าหมายของการลดดอกเบี้ยในปีนี้