คลังชี้กนง.ลดดอกเบี้ย เอื้อการลงทุน

คลังเผย กนง.ลดดอกเบี้ย สอดคล้องนโยบายการคลัง เอื้อบรรยากาศการลงทุน ยอมรับอัดฉีดเงินทุน  1.7 แสนล้านบาท เป็นยาแรงฟื้นเศรษฐกิจ 

               นายลวรณ  แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 1.5% นับว่า เอื้อต่อบรรยากาศการลงทุน ส่งผลให้เศรษฐกิจดีขึ้น ถือเป็นจิตวิทยาอีกด้านหนึ่งที่ช่วยชะลอเงินทุนไหลเข้า ทำให้ลดแรงกดดันต่อเงินบาททที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งกระทรวงการคลังเตรียมประกาศตัวเลขเศรษฐกิจในเร็วๆนี้ หลังจากไตรมาแรก เศรษฐกิจขยายตัว 2.8%  ขณะเดียวกันยังจับตาอย่างใกล้ชิดกรณีเงินหยวนอ่อนค่าลง ซึ่งอาจจะกระทบต่อการท่องเที่ยว เพราะจีนเป็นกลุ่มใหญ่เดินทางมาเที่ยวไทย

ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมการคนไทยเที่ยวไทยและต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทย ขณะนี้สศค.ได้หารือกับหลายหน่วยงานเตรียมพร้อมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใกล้สรุปหลักเกณฑ์ทั้งหมดแล้ว เพื่อดูแลทั้งภาคเกษตร ผู้ประกอบการรายย่อย เอสเอ็มอี คนมีรายได้ระดับกลาง ยอมรับว่า เงินทุนอัดฉีดประมาณ 1.7 แสนล้านบาท เป็นแรงมีขนาดแรงเพียงพอขับเคลื่อนเศรษฐกิจ  คาดว่า จะเสนอ ครม.เศรษฐกิจพิจารณาได้ในวันที่ 19 ส.ค. เพื่อเสนอ ครม.ในวันอังคารที่ 20 สิงหาคม  

               ด้านนายกฤษฎา   จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากรกล่าวว่า การจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2562 ที่เหลือเวลาอีก 1 เดือน คาดว่า จะจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 8 พันล้านบาท จากเป้าหมาย 1 แสนล้านบาท เพราะยอดภาษีจากการซื้อรถยนต์สูงต่อเนื่อง ซึ่งเป็นช่วงครบกำหนดรถยนต์คันแรก หลายคนต้องการเปลี่ยนรถคันใหม่  เมื่อเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นส่งผลต่อการจัดเก็บภาษี ขณะเดียวกันยังเข้มงวดเรื่องการนำเข้ากระเทียมที่ต้องขนส่งสินค้าผ่านมาทางเรือ ช่วยลดปัญหาการลักลอบสินค้าได้อีกมาก จากเดิมที่มีการลักลอบตามแนวชายแดน ทำให้การลักลอบนำเข้ากระเทียมในภาคใต้หายไป

แนวทางดังกล่าวทำให้ปริมาณขนส่งหอมและกระเทียมเพิ่มจาก 30 ล้านตันเพิ่มเป็น 70 ล้านตันต่อปี และยังทำให้ยอดภาษีจากกระเทียมเพิ่ม 200 ล้านบาท หอม 400 ล้านบาท  นอกจากนั้นกรมศุลกากรยังจะบังคับใช้กับสินค้าเกษตรด้านอื่นเพื่อคุมให้สำแดงทางเรือ เช่น มะพร้าวต้องขนมาทางเรือเท่านั้น จึงต้องร่วมมือกับฝ่ายความมั่นคงช่วยดูแลการลักลอบภาษีตามแนวชายแดน