สภาหอการค้าฯ เสนอธปท.ลดดอกเบี้ยเพิ่ม

08 ส.ค. 2562 | 10:21 น.

สภาหอการค้าไทย เสนอธปท.เพิ่มออฟชั่นชะลอบาทแข็ง ลดดอกเบี้ยเพิ่ม-ดูแลบัญชีคงค้างต่างชาติ หากเห็นสัญญาณเก็งกำไร พร้อมหนุนส่งเสริมใช้สกุลท้องถิ่นซื้อขายต่อเนื่อง หลังพบสกุลเงินบาทซื้อขายเยอะขึ้น

               นายกลินท์ สารสิน ประธาน สภาหอการค้าไทย เปิดเผยว่า สภาหอการค้าได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในหลายประเด็น ซึ่งมีเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนและการดูแลค่าเงินบาท เนื่องจากปัจจุบันเงินบาทยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า แม้ว่าธปท.จะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% แต่ก็ควรมีมาตรการอื่นเข้ามาเสริม  โดยได้เสนอหลายแนวทาง ทั้งมาตรการเบา-กลาง และหนักเช่น การลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก และหากพบสัญญาณการเก็งกำไร ธปท.อาจต้องออกมาตรการระดับความหนัก เพื่อดูแลเงินทุนไหลเข้า-ออก และดูแลยอดบัญชีคงค้างของต่างชาติเพิ่มขึ้น แม้ว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าจะมาจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด หรือการเข้ามาลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศค่อนข้างมาก ดังนั้นเรื่องนี้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อเอื้อต่อการดูแลค่าเงินบาทในอนาคต

สภาหอการค้าฯ เสนอธปท.ลดดอกเบี้ยเพิ่ม

นอกจากนี้ อยากให้ธปท.และภาครัฐสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน เพราะปัจจุบันการค้าขายหรือทำธุรกิจ บางส่วนมีการตั้งแหล่งผลิตในต่างประเทศ และใช้เงินดอลลาร์เป็นหลักในการซื้อขาย ดังนั้นทำอย่างไรที่จะมีการสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์ทางการเงินได้ในอนาคต รวมถึงเสนอให้มีการสนับสนุนการใช้สกุลเงินท้องถิ่นมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันธปท.ชี้แจงว่า การใช้สกุลเงินบาทในการซื้อขายนั้นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและใช้ในหลายประเทศ เช่น การส่งออกไปออสเตรเลีย พบว่า ใช้เงินบาทในการซื้อขายถึง 34% สปป.ลาว 60% เมียนมามากว่า 50% ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่จะต้องได้รับการสนับสนุนต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงความผันผวนของดอลลาร์

สภาหอการค้าฯ เสนอธปท.ลดดอกเบี้ยเพิ่ม

ขณะเดียวกัน มีประเด็นเรื่องของกฏหมายภาษีอี-เพย์เมนต์ ที่ให้สถาบันการเงินรายงาน หากบุคคลมีการทำธุรกรรมเงินฝาก หรือโอนเงินทุกบัญชีเกิน 3 พันครั้งขึ้นไป หรือโอนเงินทุกบัญชีตั้งแต่ 400 ครั้ง ประเด็นเหล่านี้ทำให้ความมั่นใจในการใช้ดิจิทัลเพื่อทำธุรกรรมของประชาชนลดลง และหันไปใช้เงินสดมากขึ้น ดังนั้นเป็นสิ่งที่กังวล โดยธปท.ก็รับข้อเสนอนี้ไปหารือกับสรรพากรต่อไป นอกจากนี้ การหารือดังกล่าว ยังมีความเป็นห่วง ภาคธุรกิจเอสเอ็มอี โดยเฉพาะในเมืองรอง ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน คาดว่าประเด็นเหล่านี้จะมีการหารือร่วมกันต่อไป ว่าจะช่วยอย่างไรได้บ้างในอนาคต

               “เรามาขอบคุณที่ธปท.ช่วยลดดอกเบี้ยลง แต่จะเห็นว่าเงินบาทแข็งต่อเนื่องมา 4 ปี เราแข็ง เพื่อนบาทอ่อน ซึ่งกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขัน และยิ่งจีนมีการปรับค่าเงินให้อ่อนลงไปแตะ 7 หยวนต่อดอลลาร์ ภายใต้สถานการณ์สงครามการค้าทวีความรุนแรงขึ้น จะยิ่งทำให้ไทยมีปัญหาในด้านราคามากยิ่งขึ้น ซึ่งธปท.ก็รับเรื่องและเฝ้าดูแลอยู่ เพราะถ้าหากแข็งมากธปท.ต้องมีมาตรการอื่นมาช่วยด้วย ซึ่งเราก็เสรอไปหลายออฟชั่นตั้งแต่เบาไปหาหนัก และความเสี่ยงเรื่องค่าแรงขั้นต่ำก็เป็นความเสี่ยงหนึ่งที่ต้องดู เพราะมีผู้ประกอบการพวกเกษตร เกษตรแปรรูปได้ร้องเรียนเข้ามา เพราะขีดความสามารถสู้ไม่ได้ และหากค่าแรงเพิ่มขึ้น จะยิ่งเป็นปัญหา”

สภาหอการค้าฯ เสนอธปท.ลดดอกเบี้ยเพิ่ม