แห่โยกเงิน ซื้อหุ้นปันผล หนีดอกเบี้ยขาลง

11 ส.ค. 2562 | 04:20 น.

โบรกฯ คาดปีนี้กนง.มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้ง ชี้ครั้งต่อไปมีความเสี่ยงและผลลบมากกว่า มองหุ้นปันผลเด่นรับประโยชน์ นักลงทุนโยกเงินซื้อ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง

สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับตลาด หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 ต่อ 2 ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% อยู่ที่ 1.50% ซึ่งในส่วนของตลาดหุ้นไทยนั้นส่งผลทั้งในแง่บวกและลบ  โดยหลังจากกนง.ประกาศออกมามีแรงซื้อในกลุ่มเช่าซื้อที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยรับที่เป็นแบบคงที่ และโครงสร้างหนี้สินเป็นแบบลอยตัว ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ถูกเทขายอย่างหนัก เนื่องจากโครงสร้างการปล่อยสินเชื่อแบบลอยตัว โดยคาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิจะแคบลงหลังธนาคารพาณิชย์ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงตาม และอีกกลุ่มที่น่าสนใจคือ กลุ่มหุ้นที่มีอัตราเงินปันผลตอบแทนดี 

 

แห่โยกเงิน ซื้อหุ้นปันผล หนีดอกเบี้ยขาลง

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า มีโอกาสที่กนง.จะปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ จากเดิมที่เคยคาดไว้ว่าในปีนี้จะปรับลดเพียง 1 ครั้ง เนื่องจากการปรับลดรอบนี้เกินความคาดหมาย ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่เคยใช้วิธีลดดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับการแข็งค่าของเงินบาท ทั้งนี้ต้องระมัดระวังการปรับลดในครั้งหน้า เพราะตลาดอาจจะไม่ตอบรับในเชิงบวก และมองว่าสาเหตุเป็นเพราะเศรษฐกิจที่ยํ่าแย่ นอกจากนี้ อาจจะมีการปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย และปรับลดเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปีนี้

อย่างไรก็ตาม มองว่ากลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ คือกลุ่มที่ราคาแปรผันตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่าเริ่มมีการเข้าซื้อหุ้นบางตัวที่ก่อนหน้านี้เริ่มตึงตัว และมีอัพไซด์ที่จำกัด โดยเฉพาะกลุ่มโรงไฟฟ้าทดแทนขนาดเล็กและขนาดกลาง ที่มีพี/อีอยู่ที่ประมาณ 10-15 เท่า ซึ่งราคาถูกมากเมื่อเทียบกับหุ้นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ เพราะหุ้นกลุ่มดังกล่าวยังมีโครงสร้างรายได้และกำไรที่มั่นคง แต่ต้องระมัดระวังความเสี่ยง เนื่องจากครั้งนี้มองว่าเป็นสถานการณ์พิเศษ   

บล.เอเซียพลัสฯ ระบุว่า การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ กดดันให้ผลตอบแทนจากตราสารหนี้ลดลง โดยล่าสุดผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield)  10 ปี เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลงมาอยู่ที่ 1.63% ตํ่าสุดในรอบ 3 ปี 4 เดือน ด้วยผลตอบแทนที่อยู่ในระดับตํ่า ส่งผลให้นักลงทุนมีโอกาสย้ายเงินมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงกว่า หนึ่งในนั้นคือ หุ้นปันผลสูงมีความผันผวนตํ่า

ทั้งนี้ แนะนำ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH)คาดเงินปันผลที่ 6.7% ต่อปี, บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) (MCS) อยู่ที่ 5.1% ต่อปี และ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรนํ้าภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) (EASTW) คาดอยู่ที่ 3.5% ต่อปี นอกจากนี้ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) คาดเงินปันผลอยู่ที่ 5.8% และ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) คาดเงินปันผลอยู่ที่ 8.1% ขณะเดียวกัน JASIF มีการประกาศจ่ายเงินปันผล 0.23 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 19 สิงหาคม 2562

สำหรับหุ้นแนะนำที่มีเงินปันผลดี คือ MCS ได้รับงานโครงการใหม่ต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มผลประกอบการครึ่งหลังปี 2562 เติบโตแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก อีกทั้งภายใน 2 เดือนข้างหน้า คาดจะประกาศอีก 2 โครงการใหญ่ ซึ่งเป็นงานที่จะสร้างกำไรสูงมาก ทั้งนี้ ประเมินกำไรปี 2562 ที่ 351 ล้านบาท เติบโตเป็น 473 ล้านบาท ปี 2563 และเพิ่มเป็น 515 ล้านบาทปี 2564 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 21% และคาดหวังเงินปันผลได้สูงถึง 5.3%

ด้านบล.ดีบีเอสวิคเคอร์สฯ ระบุว่า แนะนำหุ้น QH ถึงแม้จะมีโครงการมาโอนน้อยในไตรมาส 2 ปี 2562 ถ่วงกำไร แต่ยังดีที่กำไรจากบริษัทร่วมที่ดีมาช่วยชดเชย โดยคาดกำไรไตรมาส 2 อยู่ที่ 700 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการลดลง 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งสัญญาณจุดตํ่าสุดของกำไรกำลังผ่านไป การเปิดขายโครงการใหม่มากขึ้นจะช่วยเสริมกำไรไตรมาสถัดๆ ไปให้ดีขึ้น และยังมีอัตราผลตอบแทนปันผลที่สูงที่น่าสนใจ คาดว่าปีนี้เป็น 7.1%

 

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,495 วันที่ 11-14 สิงหาคม 2562

แห่โยกเงิน ซื้อหุ้นปันผล หนีดอกเบี้ยขาลง