สัมผัสปิกอัพMG...น้องใหม่หัวใจ2.0ลิตรเทอร์โบ
“เอ็มจี”แบรนด์อังกฤษเจ้าของจีน ต้นกำเนิดจาก “มอริส การาจ” (Morris Garages) เปลี่ยนบ้านผ่านมือมาเรื่อยจนตกเป็นของ SAIC กลุ่ม “เซียงไฮ้ ออโตโมทีฟ” ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เบื้องหลังก็คือรัฐบาลแดนมังกร
จากรถแข่ง สปอร์ตคาร์ รถเปิดประทุน วันนี้ “เอ็มจี” เปิดหน้าประวัติ ศาสตร์ใหม่กับ “ปิกอัพ” ที่ประกอบและทำตลาดในเมืองไทยเป็นประเทศแรกในโลกภายใต้ชื่อรุ่น “เอ็กซ์เทนเดอร์” (EXTENDER)
อย่างที่ผมเคยรายงานไปหลายครั้งว่า “เอ็กซ์เทนเดอร์” คือการนำปิกอัพ “แม็กซัส” รุ่น ที60 หรือ ที70 ที่ขายในจีนมาแปะป้าย MG แล้วขายในเมืองไทย ด้วยตลาดระดับ 5 แสนคันต่อปี ในจำนวนนี้เอ็มจีหวังส่วนแบ่งการตลาดแค่ 5% ก็ปลื้มมากแล้ว ไม่รวมการเป็นฐานผลิตรุ่นพวงมาลัยขวาและส่งออกไปหลายประเทศในภูมิภาคนี้ในอนาคต
การทำตลาดในไทยมีปิกอัพตัวถังตอนครึ่ง และดับเบิลแค็บ 4 ประตู บนทางเลือกขุมพลังเดียวคือ ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ 161 แรงม้า แบ่งขาย 9 รุ่นย่อย ราคา 5.49 แสน-1.029 ล้านบาท ซึ่งใครเห็นราคาตัวท็อปไม่ต้องตกใจไปครับ กับรุ่นดับเบิลแค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อมระบบไอ-สมาร์ท และระบบความปลอดภัยระดับเทพครบครัน โดยผมเชื่อว่าเป็นราคาที่เอ็มจีอยากตั้งให้โก้หรูดูดี มีอิมเมจว่าแพง แต่จริงๆไม่ได้หวังขายเยอะ หรือถ้าอยากเป็นเจ้าของจริงๆ มีส่วนลดแน่นอน และผมว่ามี กว่า9 แสนบาทก็ซื้อรุ่นท็อปได้
เอ็มจี มุ่งกลุ่มเป้าหมายของ “เอ็กซ์เทนเดอร์” ไปที่คนใช้ปิกอัพเป็นรถยนต์นั่งมากกว่าลูกค้าแบบใช้รถเพื่อทำมาค้าขายหรือเชิงพาณิชย์ ด้วยตัวถังที่ใหญ่ที่สุดในตลาด อย่างรุ่นตอนครึ่ง และดับเบิลแค็บ ความยาว-กว้างเท่ากันที่ 5,365 มม. และ 1,900 มม.ตามลำดับ ส่วนความสูงและขนาดของกระบะท้าย ต่างกันไปตามรุ่นย่อย
ผมไปเจอตัวเป็นๆที่งานเปิดตัวในอำเภอปากช่อง จ.นครราชสีมา รถตัวจริงใหญ่โต ดูบึกบึนมีมัดกล้าม และชอบที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางมากๆ โดยเฉพาะรุ่นดับเบิลแค็บ พื้นที่สำหรับคนนั่งด้านหลังไม่เป็นรองใครในตลาด
การตกแต่งในห้องโดยสาร วัสดุหรือชิ้นงานต่างๆเกรดเดียวกับพวกแบรนด์ญี่ปุ่น การประกอบแน่น เนียนตา แดชบอร์ดหน้าเป็นวัสดุแบบนุ่ม (Soft Touch) หน้าจอสัมผัสไว้คอยสั่งงานฟังก์ชันต่างๆ ขนาด 10 นิ้ว (แน่นอนว่าเป็นจอขนาดใหญ่สุดในตลาด) พวงมาลัยปีปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชัน ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติออกแบบคันเกียร์ดูหรูหรา
สมรรถนะจากเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล ไดเร็กอินเจ็กชัน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 375 นิวตัน/เมตร ที่ 1,500-2,400 รอบต่อนาที มีให้เลือกทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ 6 สปีด ทั้ง 9 รุ่นย่อย อัตราทดเฟืองท้ายเท่ากันที่ 3.636
รุ่นที่ผมได้ขับเต็มๆแบบออนโรด อยู่ 3-4 รอบ (รอบละไม่ถึง 1 กม.) คือตัวท็อปของรุ่นดับเบิลแค็บ ขับเคลื่อน 2 ล้อยกสูง พบว่าอัตราเร่งตอบสนองดีใช้ได้ ไม่ดุดันมากแต่น่าจะเพียงพอต่อการใช้งาน(ทดสอบแบบกระบะเปล่าๆ) ลองกดคันเร่งเต็มๆ รถจะลากรอบไปถึง 4,000 ถึงจะเปลี่ยนเกียร์ โดยจากจุดหยุดนิ่งไปถึงความเร็ว 80 กม./ชม. (ถูกบังคับให้เบรก) ใช้เวลาประมาณ 10-11 วินาที จากนั้นเข้าด่านสลาลอม ดูการตอบสนองของช่วงล่างและพวงมาลัย ไม่พบอาการงอแง สั่งงานได้ตามสายตาหรือบนความรู้สึกของการขับปิกอัพทั่วๆไป
เอ็มจีเคลมว่า “เอ็กซ์เทนเดอร์” มีค่าบำรุงรักษาทั้งในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ตํ่าที่สุดเมื่อเทียบกับปิกอัพระดับเดียวกัน คือในระยะทาง 1 แสนกม. ลูกค้าจะจ่ายเงินให้ศูนย์บริการไม่เกิน 20,000 บาท
ในส่วนตัวรถไม่ต้องสงสัยครับว่า นี่คือรถที่พัฒนามาจากแผ่นดินจีน ตามเจ้าของซึ่งมีเงินทุนมหาศาลและสะสมความรู้เทคโนโลยีรวมถึงพันธมิตรมายาวนาน ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ เอ็มจียืนยันว่าเป็นบล็อกใหม่ที่พัฒนาขึ้นเองส่วนอุปกรณ์อื่นๆที่นำมาใช้ก็เป็นของดีจากซัพพลายเออร์ชื่อดังทั่วโลก เช่น รางร่วมนํ้ามัน (คอมมอนเรล) ชุดหัวฉีดเพียโซ่ของบ็อช จากเยอรมนี เทอร์โบ Garrett สหรัฐอเมริกา ส่วนชุดเกียร์อัตโนมัติของ Punch จากฝรั่งเศส ขณะที่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ของ BorgWarner สหรัฐอเมริกา และโช้กอัพ-ช่วงล่างเป็นหน้าที่ของ Sachs เยอรมนี
ทั้งหลายทั้งปวงของ “เอ็กซ์เทนเดอร์” เป็นการประกอบเครื่องยนต์ และตัวรถในไทย ใช้ชิ้นส่วนในประเทศ 50% (ซึ่งถือว่าน้อยมาก) แต่ในอนาคตจะเพิ่มสัดส่วนให้มากขึ้น
เอ็มจีเคลมว่า “เอ็กซ์เทนเดอร์” มีค่าบำรุงรักษาทั้งในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ตํ่าที่สุดเมื่อเทียบกับปิกอัพระดับเดียวกัน คือในระยะทาง 1 แสนกม. ลูกค้าจะจ่ายเงินให้ศูนย์บริการไม่เกิน 20,000 บาท
ในส่วนตัวรถไม่ต้องสงสัยครับว่า นี่คือรถที่พัฒนามาจากแผ่นดินจีน ตามเจ้าของซึ่งมีเงินทุนมหาศาลและสะสมความรู้เทคโนโลยีรวมถึงพันธมิตรมายาวนาน ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ เอ็มจียืนยันว่าเป็นบล็อกใหม่ที่พัฒนาขึ้นเองส่วนอุปกรณ์อื่นๆที่นำมาใช้ก็เป็นของดีจากซัพพลายเออร์ชื่อดังทั่วโลก เช่น รางร่วมนํ้ามัน (คอมมอนเรล) ชุดหัวฉีดเพียโซ่ของบ็อช จากเยอรมนี เทอร์โบ Garrett สหรัฐอเมริกา ส่วนชุดเกียร์อัตโนมัติของ Punch จากฝรั่งเศส ขณะที่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ของ BorgWarner สหรัฐอเมริกา และโช้กอัพ-ช่วงล่างเป็นหน้าที่ของ Sachs เยอรมนี
ทั้งหลายทั้งปวงของ “เอ็กซ์เทนเดอร์” เป็นการประกอบเครื่องยนต์ และตัวรถในไทย ใช้ชิ้นส่วนในประเทศ 50% (ซึ่งถือว่าน้อยมาก) แต่ในอนาคตจะเพิ่มสัดส่วนให้มากขึ้น
รวบรัดตัดความ...ต้องยอมรับว่าการได้ลองขับสั้นๆ อาจจะดูถูกคุณผู้อ่านเกินไปหากผมโม้ หรือตัดสินใจ ทันทีว่า “เอ็กซ์เทนเดอร์” ดีหรือไม่ดีอย่างไร แต่เอาเป็นว่ารุ่นดับเบิลแค็บ ขับเคลื่อน 2 ล้อยกสูง สมรรถนะรวมๆไม่ขี้เหร่ ขุมพลังเอาอยู่ไปไหว และในภาพรวมของรถก็ไม่กระจอกงอกง่อยอะไร ถ้าถามว่าสู้กับคู่แข่งได้ไหมผมว่า “เอ็มจี” เขาไม่ได้หวังขึ้นไปท้าชกกับพวก(ยอดขาย) ดิวิชัน 1 อย่าง โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ และอีซูซุ ดีแมคซ์ แต่อาจจะตอดฟอร์ด เรนเจอร์ มิตซูบิชิ ไทรทัน และ นิสสัน นาวารา ได้บ้าง และที่เดือดร้อนหนักคือ มาสด้า บีที-50 และเชฟโรเลต โคโลราโด ละครับ
เรื่อง : กรกิต กสิคุณ
หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,495 วันที่ 11 - 14 สิงหาคม พ.ศ. 2562
