Inverted Yield Curve ยีลด์ เคิร์ฟ กลับหัว ไม่น่ากลัวอย่างคิด

15 ส.ค. 2562 | 10:40 น.

         หลายคนเกิดคำถามว่า  Inverted Yield Curve ที่ทำให้ดัชนีหุ้นดาวน์โจนส์ของสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก จนกระทบกับตลาดหุ้นทั่วโลกนั้นคืออะไร น่ากลัวแค่ไหน วันนี้นายอมรเทพ​ จาวะลา​ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่​ สำนักวิจัย​ ธนาคาร  ซีไอเอ็มบี​ ไทย​ มีคำตอบให้คลายข้อสงสัยกัน

               หุ้นสหรัฐและหุ้นทั่วโลกทรุดหนัก นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง เพราะกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย ทำไมอยู่ๆ ถึงคิดแบบนี้ มีที่มาที่ไปอย่างไร ที่จริงแล้วความกลัวที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยนั้น คงมาถามนักเศรษฐศาสตร์ไม่ได้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจจะชี้แค่ภาวะการชะลอตัว และเชื่อว่า มีเครื่องมือทางการเงินและการคลังมาพยุงเศรษฐกิจได้ และไม่ซ้ำรอยปี 2008

Inverted Yield Curve ยีลด์ เคิร์ฟ กลับหัว ไม่น่ากลัวอย่างคิด

               แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจนนักลงทุนตกใจ มาจากด้านตลาดการเงิน คือ เมื่อนักลงทุนกังวลต่อเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงมากขึ้น ทั้งจากภาษีนำเข้าของปธน. ทรัมป์ และจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอ ทำให้นักลงทุนแห่ลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งหนีไม่พ้นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เมื่อมีความต้องการมาก ราคาพันธบัตรก็สูงขึ้น หรืออัตราผลตอบแทนพันธบัตร (bond yield) ก็ลดลง และนักลงทุนมีความเชื่อว่า การถือพันธบัตรระยะยาว เช่น 10 ปี ควรจะได้ผลตอบแทนสูงกว่าการถือระยะสั้น เช่น 2 ปี

แต่เมื่อความกลัวเกิดขึ้น นักลงทุนแห่ซื้อพันธบัตรระยะยาว ส่งผลให้ผลตอบแทนขณะนี้ต่ำกว่าระยะสั้น ซึ่งเป็นภาวะไม่ปกติ รูปของอัตราผลตอบแทนหักหัวลง เรียก inverted yield curve ส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนพันธบัตร 10 และ2 ปีติดลบ และเป็นสัญญาณว่า เมื่อไหร่ที่ส่วนต่างติดลบ เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในไม่ช้า ซึ่งยิ่งกดดันการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงอีก

ผมมีมุมมองดังนี้

1. เรื่อง inverted yield curve ไม่ใช่เรื่องใหม่ ความกลัวนี้มีพูดมานาน แม้เพิ่งจะมาติดลบ แต่ได้คาดกันไว้อยู่แล้ว ไม่น่าช๊อกนาน

2.ปธน. ทรัมป์คงมีวิธีจัดการไม่ให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ เพราะสามารถจัดการเวลาและมูลค่าภาษีนำเข้า เพื่อลดแรงกดดัน

 3. เฟดพร้อมลดดอกเบี้ย ทำ QE เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

4. ผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลงมาจากสภาพคล่องมีสูง เนื่องจากผล QE 1-3 ในอดีต ไม่น่าจะคล้ายสัญญาณวิกฤติ

5. ระวังตลาดปรับตัวลงต่อได้อีก เพราะเมื่อนักลงทุนตกใจ มักขายก่อน คิดทีหลัง แต่เมื่อหมดรอบขายสั้นๆ นี้ เขาจะกลับมาลงทุนได้ใหม่ ผมไม่มองวิกฤติ แค่ชะลอ ตลาดปรับฐานระยะสั้น

Inverted Yield Curve ยีลด์ เคิร์ฟ กลับหัว ไม่น่ากลัวอย่างคิด