“พลังประชารัฐ”ดิ้นสู้“21ส.ส.ถือหุ้น”

18 ส.ค. 2562 | 06:50 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ หน้า 4 ฉบับ 3497 ระหว่างวันที่ 18-21 ส.ค.2562 โดย... ว.เชิงดอย

“พลังประชารัฐ”ดิ้นสู้“21ส.ส.ถือหุ้น” 


          .....ตั้งป้อมสู้เต็มที่กับ “คดี 21 ส.ส.ถือหุ้นสื่อ” สำหรับพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา นายทศพล เพ็งส้ม หัวหน้าทีมต่อสู้คดีหุ้นสื่อของพรรคพลังประชารัฐ ขนเอกสาร 3 คันรถ จำนวน 510 แฟ้มยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ซึ่งเป็นพยานหลักฐานของ 20 ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และของนายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.พรรคประชาภิวัฒน์ ก่อนที่จะครบกำหนดระยะเวลา 30 วัน ที่ขอขยายยื่นคำชี้แจงในวันที่ 17 สิงหาคมนี้


          .....ทีมกฎหมายพรรคพลังประชารัฐ ตั้งป้อมสู้ในประเด็นที่ว่าถ้าหากประกอบธุรกิจสื่อจริง ก็ต้องมีการทำธุรกิจสื่อมาก่อนแล้ว และมีรายได้ แต่ส.ส.ของพรรคไม่มีใครที่เข้าข่ายดังกล่าว ไม่เหมือนกับกรณีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และผู้สมัครส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ ที่ถือหุ้นในบริษัทที่ประกอบธุรกิจสื่อจริง และมีรายได้จากธุรกิจดังกล่าว ขณะเดียวกันยังได้นำรายงานการประชุมของสภาร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญปี 2560 นำมาเป็นหลักในการพิจารณากำหนดห้าม ส.ส.ถือหุ้นสื่อไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งรายงานของสภาร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ระบุว่า “จะต้องดูว่ามีการประกอบธุรกิจสื่อจริงหรือไม่ เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญได้เห็นกระบวนการทั้งหมดในการออกกฎหมายฉบับนี้ด้วย”

“พลังประชารัฐ”ดิ้นสู้“21ส.ส.ถือหุ้น”
           .....นอกจากนี้พรรคพลังประชารัฐ ยังขอศาลรัฐธรรมนูญให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของส.ส.ที่ถูกร้องเรียนเพื่อจะได้เห็นข้อเท็จจริงว่าไม่ได้ประกอบธุรกิจสื่อจริง สำหรับเอกสารหลักฐานที่ทีมกฎหมายพรรคพลังประชารัฐ นำส่งต่อศาล ประกอบด้วย 1. แบบวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งบริษัท (สสช.1) 2. แบบนำส่งงบการเงิน (ส.บช.3) และ 3. เอกสารงบดุลบริษัท รวมทั้งภาพถ่ายการประกอบธุรกิจในปัจจุบัน เช่น กรณีของ นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี  ประกอบธุรกิจฟาร์ม และธุรกิจอาหารแช่แข็งนายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท มีโรงฆ่าสัตว์ และโรงงานแปรรูปหนังสัตว์


          .....เช่นเดียวกัน นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา ได้มอบอำนาจให้ทนายความนำหลักฐานและคำชี้แจงกรณีถูกร้องถือครองหุ้นสื่อเข้ายื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้วเช่นกัน โดยยืนยันว่าบริษัทที่ นายเทวัญ เคยถือหุ้น ไม่เคยประกอบกิจการด้านสื่อสารมวลชน ตั้งแต่จดทะเบียนก่อตั้งบริษัทมาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ก็ทำธุรกิจค้าขาย และอสังหาริมทรัพย์ ไม่เคยประกอบธุรกิจสื่อเลยแต่อย่างใด

“พลังประชารัฐ”ดิ้นสู้“21ส.ส.ถือหุ้น”

          .....เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่ผ่านมา “ศาลรัฐธรรมนูญ” ได้มีมติรับคำร้องส.ส.ถือครองหุ้นสื่อ 32 ราย ซึ่งอยู่ใน “ขั้วรัฐบาล” แบ่งเป็น พรรคพลังประชารัฐ 21 ราย อาทิ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ส.ส.บัญชีรายชื่อถือครองหุ้นบริษัท แปซิฟิค เอ็กซ์คลูซิฟ ซิตี้ คลับ จำกัด นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ถือครองหุ้นบริษัท อรินสิริ แลนด์ จำกัด (มหาชน) พรรคประชาธิปัตย์ 7 ราย อาทิ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.พาณิชย์ ส.ส.ระยอง ถือหุ้นบริษัท พี.ที.รุ่งเรืองคอนกรีต จำกัด นางสาวจิตรภัสร์ ภิรมย์ภักดี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถือหุ้น บริษัท ซี.บี.โฮลดิ้ง จำกัด และนางกันตวรรณ ตันเถียรกุลจรรยาวิวัฒน์ ส.ส.พังงาถือหุ้นบริษัทเทพวนาจำกัด ขณะที่พรรครวมพลังประชาชาติไทยชาติพัฒนาภูมิใจไทยและประชาภิวัฒน์พรรคละ 1 ราย


          .....นอกจากฝ่ายรัฐบาลแล้ว พรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็ถูกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ “สอย” กรณีถือครองหุ้นสื่อเช่นเดียวกัน รวม 33 ราย นอกจากส.ส.พรรคอนาคตใหม่แล้ว ยังมีส.ส.พรรคเพื่อไทย 4 ราย พรรคเพื่อชาติ 4 ราย พรรคเสรีรวมไทย 3 ราย พรรคประชาชาติ 1 ราย ... น่าสนใจว่าใครบ้างที่จะถูก “สอยร่วง” จากเก้าอี้ส.ส. ถ้าคนถูกสอย เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็สามารถเลื่อนผู้สมัครลำดับถัดไปขึ้นมาแทนได้ แต่ถ้า ส.ส.เขต ก็ต้องไปเลือกตั้งกันใหม่ หากอยู่ฝ่ายค้านอาจไม่ส่งผลกระทบอะไรมากมาย แต่หาก “ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล” ถูกสอยและยิ่งเป็น ส.ส.เขตด้วยแล้ว จะ “ยุ่งตายห่า” เพราะ 254 เสียงที่มีอยู่ ก็ “ปริ่มน้ำ” อยู่แล้ว หากมาถูก “สอย” อีก เลือกตั้งใหม่ก็ไม่รู้ว่าจะชนะเข้ามาหรือไม่ พานกระทบความเป็นอยู่ของ “รัฐบาลลุงตู่” ที่อาจจะไปเร็วกว่ากำหนดเอาได้นะเออ...


          .....หันไปดูเรื่องวุ่น ๆ ใน “รัฐบาลลุงตู่ 2” ที่ถูกเกาะติดปม “ถวายสัตย์ไม่ครบ” ล่าสุด พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ออกมาบอกถึงกรณีมีคนร้องให้ตรวจสอบและส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลปกครอง วินิจฉัย กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี กล่าวคำถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริง อาจต้องมีการสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ถูกร้องคือ “นายกฯ” ด้วย เมื่อได้ข้อเท็จจริงครบถ้วนแล้วจะนำมาพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งปกติแล้วการสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากเป็นเรื่องซับซ้อนก็จะให้เวลา 30 วัน ถ้าไม่ซับซ้อนจะให้เวลา 15 วัน ในกรณีนี้เป็นเรื่องไม่ซับซ้อน 15 วันก็น่าจะเพียงพอ การประชุมผู้ตรวจฯ ครั้งต่อไปในวันที่ 27 สิงหาคม ก็คงได้พิจารณากัน 


          .....พล.อ.วิทวัส ย้ำว่า ไม่ได้หนักใจเราเป็นองค์กรอิสระ ไม่ประสงค์ที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง การพิจารณาเป็นอิสระ ยึดตามข้อเท็จจริงพร้อมให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย และไม่มีใครมากดดันได้ ...ปมถวายสัตย์ไม่ครบ กำลังเป็นอะไรที่ “ลุงตู่” รอให้ผู้ตรวจฯ สรุปออกมา หากต้องไปสู้กันใน “ศาล” ก็ต้องสู้ แล้วผลจะลงเอยอย่างไร ก็น่าจะเป็นที่ยุติได้สำหรับฝ่ายที่เคลื่อนไหวร้องเรียนในเรื่องนี้