ปชป.จัดสัมมนา รวมพลังประชาธิปัตย์ ภาคเหนือ “อลงกรณ์”ลั่นเลือกตั้งครั้งหน้าต้องได้ ส.ส. 155 ที่นั่ง ตั้งเป้าเรียกคืนฐานเสียง 7 ล้านเสียง จัดนักรบทีมอเวนเจอร์ทำงานร่วมกับส.ส. เขตละ 5 คน “จุติ”ชูสื่อสารสร้างชัยชนะ
วานนี้(18 ส.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ จัดสัมมนา “รวมพลังประชาธิปัตย์ ภาคเหนือ” โดยมี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานสภาที่ปรึกษาพรรค เข้าร่วมสัมมนาด้วย
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกลยุทธ์การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรค ว่า การเข้าสู่โลกออนไลน์ ออฟไลน์ นำมาสู่การวางยุทธศาสตร์ การขับเคลื่อน และการวางกลไก จะมีการสร้างนักรบในการทำงานเพื่อประชาชนของพรรค เขตละ 5 คน เป็นทีมอเวนเจอร์ของเขตเพื่อทำงานร่วมกับส.ส. อดีต ส.ส. โดยมีเวลาทำงาน 350 เขต ในระยะเวลา 4 เดือน และกลยุทธ์การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์จะยึดแนวทาง ติดอาวุธความคิด ใกล้ชิดมวลชน เปิดพรรคกว้าง สร้างเครือข่าย ขยายฐานพรรค ประจักษ์ผลงาน สื่อสารฉับไว อุดมการณ์ทันสมัย สร้างภาพลักษณ์ใหม่ ชนะใจประชาชน เราเป็นพรรคที่ไม่มีนายทุน แต่เราโชคดีที่ประชาชนอุดหนุนด้วยเงินภาษีมากที่สุดในประเทศ เราจะเคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง จะต้องรักษาฐานเสียงเดิม 3.9 ล้านเสียง และเป้าหมายหลักคือจะต้องเอา 7 ล้านเสียงที่หายไปกลับคืนมาให้ได้ ทั้งนี้ พรรควางเป้าหมายว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะต้องได้ส.ส. 155 เขต คือ ภาคเหนือต้องได้ 20 เขต ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 25 เขต ภาคกลาง 30 เขต กทม. 30 เขต และภาคใต้ 50 เขต ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะต้องพร้อมทำงานไม่ว่าจะเป็นเสียงข้างมากหรือเสียงข้างน้อย
นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาจำไว้เป็นบทเรียนสำหรับเราทุกคน ถือเป็นการปฏิรูปทางเทคโนโลยีทุกมติ และมีผลกับการเมือง การสู้ครั้งหน้าต้องทิ้งกรอบความคิดเดิมๆทั้งหมด เพราะเป็นโลกการสื่อสาร เราจะชอบหรือไม่ชอบ แต่ความจริงคือเราต้องสู้บนเวทีของโลกการสื่อสาร การเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์เตรียมรับมือแล้ว แต่ยังสู้ไม่ได้ เพราะคู่ต่อสู้เข้มข้นกว่า มีการทำงานเชิงรุกกว่า พรรคอนาคตใหม่ชนะ เพราะเตรียมการล่วงหน้ามา 2 ปี ก่อนเลือกตั้งมีการสำรวจ และกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน รวมถึงได้คะแนนที่เอื้อมาจากกรณีพรรคไทยรักษาชาติที่ถูกยุบด้วย แต่พรรคอนาคตใหม่ชัดเจนเรื่องกลุ่มเป้าหมาย ฉะนั้นในการเลือกตั้งครั้งหน้า หนีไม่พ้นเรื่องการสื่อสาร วันนี้จึงต้องล้างความคิดเดิมให้หมด ขณะนี้ตนก็ทำการบ้านหนัก ถ้าวิเคราะห์ผู้มีสิทธิ ออกเสียง 100 คน จะเป็นคนที่อยู่บ้านเห็นเราทำงานจริงๆ 47 – 55 คน ที่เหลือทำงานนอกบ้านทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าคนอีกส่วนหนึ่งไม่เคยรับรู้เลยว่าเรากลับไปทำอะไรให้เขาบ้าง เพราะเขาไม่รู้และขาดการสื่อสาร เราจึงต้องปรับตัวเอง เพื่อรับรูปแบบใหม่ให้ได้ เพราะการสื่อสารเป็นหัวใจของชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นอย่างมาก
นายจุติ กล่าวอีกว่า มาวันนี้จุดขายไปอยู่ที่พรรคอนาคตใหม่ เขาไม่ได้ต้องการคนทุกกลุ่มในประเทศ แต่ต้องการเฉพาะบางกลุ่มขอแค่เพียงพอให้เขาชนะการเลือกตั้ง จึงเป็นโจทย์ว่าวันนี้โลกเป็นแบบนี้ ถ้าเราขายของต้องรู้ว่าลูกค้าต้องการซื้ออะไร รวมถึงการทำงานในพื้นที่ที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ขอฝากพรรคหาคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถด้านไอทีเข้ามาช่วยงานพรคในขณะที่กรอบความคิดแบบเดิมก็ให้ทิ้งไป สิ่งใดที่เราไม่ชอบ ไม่อยากทำเราก็ต้องทำเเพื่อชัยชนะในอนาคต