จับตาครม.ถกเครียด ฟรีวีซ่าจีน-อินเดีย

19 ส.ค. 2562 | 11:25 น.

      จับตาประชุมครม.ถกหนักนโยบายฟรีวีซ่าจีน-อินเดีย “ประวิตร” – “ดอน” ออกโรงค้าน หวั่นกระทบความมั่นคง ขณะที่ “รมว.ท่องเที่ยว” ยันเดินหน้าเสนอต่อ หลังมติผ่านความเห็นชอบจากครม.เศรษฐกิจไปแล้ว

จับตาครม.ถกเครียด  ฟรีวีซ่าจีน-อินเดีย

         ในการประชุมครม.ในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ ประเด็นในเรื่องของการออกมาตรการยกเว้นให้นักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย เดินทางมาเที่ยวไทย 15 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่าเข้าไทย(ฟรีวีซ่า)เป็นเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่1พฤศจิกายน2562-สิ้นเดือนตุลาคม2563 จะเป็นสิ่งที่มีการถกเถียงกันอย่างมาก เนื่องจากนายประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่เห็นด้วยต่อนโยบายดังกล่าว เพราะมองว่าจะกระทบเรื่องของความมั่นคงของประเทศ

จับตาครม.ถกเครียด  ฟรีวีซ่าจีน-อินเดีย
          ขณะที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ และนายพิพัฒน์  รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ต่างผลักดันในเรื่องนี้เต็มที่ และมองว่าเรื่องนี้ได้ผ่านการเห็นชอบในหลักการ ในการประชุมครม.เศรษฐกิจไปแล้ว เมื่อวันที่ 16สิงหาคมที่ผ่านมา เพราะช่วยกระตุ้นในเรื่องของการท่องเที่ยว
           ทั้งนี้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยต่อมาตรการดังกล่าว มองว่า การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจที่ซบเซาในปัจจุบันเป็นผลมาจากปัจจัยหลายอย่าง โดยเฉพาะสภาวะสงครามการค้า ปัญหาเศรษฐกิจภายในของจีนและหลายประเทศ รวมทั้งสถานการณ์ปัจจุบันเช่นกรณีการประท้วงที่ฮ่องกง การมองปัญหาและวิธีการแก้ปัญหาแบบง่ายๆ ในข้อ การยกเว้นวีซ่าจะช่วยให้นักท่องเที่ยวมาไทยเพิ่มขึ้น จึงเป็นการมองอย่างแคบและอย่างสั้น และมองไม่ครบ 360 องศา โดยมุ่งเน้นผลประโยชน์เฉพาะหน้าจนลืมมองถึงเรื่องที่สำคัญมากยิ่งกว่าคือ ผลในทางลบที่มีมากและรุนแรงยิ่ง กล่าวได้ถึงขั้นว่า สามารถเป็นภัยต่ออธิปไตย อันตรายต่อวิถีชีวิตของคนไทยและคุกคามความมั่นคงของชาติ
         โดยมองว่าไทยยังไม่มีระบบการจัดการกับนักท่องเที่ยวและคนที่เข้าออกประเทศ และการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ คือเข้ามาแล้วต้องออกในเวลาที่กำหนด ดังเช่น ญี่ปุ่นหรือจีน เกาหลี สิงคโปร์ มาเลเซีย โดยไม่ต้องพูดถึงประเทศตะวันตกใดๆ เมื่อใดก็ตามที่ระบบที่มีประสิทธิภาพเยี่ยงประเทศที่ได้กล่าวถึง เกิดขึ้นจริงในไทย การคิดจะยอมให้มีระบบวีซ่าฟรีแก่จีนและอินเดีย ก็ย่อมจะทำได้ (แต่ก็ยังมีความเสี่ยงกับกลุ่มอาชญากร ก่อการร้ายและพวกติดโรคระบาดโรคภัยต่างๆ รวมถึงบุคคลไม่พึงปรารถนาอื่นๆที่จะพาเหรดเข้าไทย และกบดานไม่เจอตัวอีก) แต่หากไม่จัดการกับตนเองให้มีระบบการจัดการที่แข็งแรงเสียก่อน และรีบถลำเปิดประตูบ้านเพื่อผลประโยชน์เฉพาะหน้าในระยะสั้น ผลลัพธ์มีแต่จะนำภัยสารพัดภัยมาสู่บ้านเมืองไทย ทั้งที่จะเป็นอันตรายต่อคนไทยและความมั่นคงของสังคมและชาติไทย

  จับตาครม.ถกเครียด  ฟรีวีซ่าจีน-อินเดีย  

   ขณะที่ฝั่งที่จะเสนอเรื่องนี้ อย่างรมว.พิพัฒน์ ยังคงยืนยัน ที่จะเดินหน้าเสนอเรื่องนี้ต่อ เนื่องจากมาตรการฟรีวีซ่าในตลาดจีนและอินเดีย ผมได้การรือกับนายกรัฐมนตรี รองนายกสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แล้ว ซึ่งท่านไม่ขัดข้อง เพราะเป็นการอำนวยความสะดวก และแก้ปัญหาความแออัด และล่าช้า โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเป็นกรุ๊ป จะมาแออัดกันแน่นระหว่างมารอทำวีซ่าในสนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ ภูเก็ต  ดังนั้นก็ไม่ต้องขอวีซ่ามาท่องเที่ยวก็จะลดปัญหาและอำนวยความสะดวก ทำให้จีนมาเที่ยวไทยมากขึ้น ส่วนอินเดียที่เพิ่มอยู่แล้วก็จะมากกว่าเดิม
          ส่วนข้อกังวลว่าการยกเว้นการทำวีซ่ามาเที่ยวไทยเรื่องความมั่นคงหรือไม่ ผมไม่กังวลเลย  วันนี้เราให้เขาทำวีซ่า ถ้าเขาจะหลบหนีเข้ามา เขาก็เข้ามาอยู่  ตำรวจก็ไปตามจับได้อยู่แล้ว ซึ่งตำรวจไทยเก่ง ผมมั่นใจว่าดูแลได้
          โดยคาดว่าการฟรีวีซ่า จะทำให้นักท่องเที่ยวอินเดีย ที่ในช่วงครึ่งปีแรกมาเที่ยวไทย 8 แสนคน มากกว่าปีที่แล้ว จะเพิ่มเป็น2ล้านคนในปีนี้และเพิ่มเป็น3ล้านคนใน ปีหน้า จากในปีที่ผ่านมามีคนอินเดียมาเที่ยวไทย1.7ล้านคน ทั้งผมจะเดินทางไปโปรโมทอินเดียให้มาไทยเพิ่มขึ้น โดยไปทั้งภาครัฐ เอกชน อย่างสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)

จับตาครม.ถกเครียด  ฟรีวีซ่าจีน-อินเดีย
          อีกทั้งมาตรการฟรีวีซ่า ยังทำให้กระตุ้นตลาดจีน เพราะหากไม่ทำอะไรเลย จีนจะไม่เติบโต เพราะจากผลของเงินบาทแข็งค่า ทำให้จีนมาไทยจะมีค่าใช้จ่ายแพงขึ้นกว่าเดิม10-20%  ซึ่งเราหวังว่ามาตรการฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีน จะช่วยให้ตลาดจีน เติบโตตามเป้า7-8% หรือมาเที่ยวไทยปีนี้ราว11-12ล้านคน เพิ่มจากปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่10.5 ล้านคนปีนี้ 11-12ล้านคน เพราะถ้าไม่มีมาตรการกระตุ้นเลยคาดว่าจีนจะลดลงราว15% เนื่องจากในช่วงครึ่งแรกของปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวไทยโตเพียง0.8
%