รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำกับฝ่ายค้านที่ปริ่มคุณภาพ

22 ส.ค. 2562 | 07:35 น.

คอลัมน์ข้าพระบาททาสประชาชน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3498 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 22-24 ส.ค.2562 โดย...ประพันธุ์ คูณมี
 

รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ
กับฝ่ายค้านที่ปริ่มคุณภาพ


          หลังจากอำนาจของ คสช.สิ้นสุดลง เข้าสู่โหมดการเมืองการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 ฉบับประชามติโดยประชาชนแล้ว นักการเมือง นักเลือกตั้ง และบรรดาพรรค การเมืองทั้งหลายที่ถูกเว้นวรรค ปิดเทอมพักยาวไป 5 ปี ก็มีโอกาสหวนกลับคืนสู่เวทีสภา รอบใหม่อีกครั้ง
          แต่การเมืองไทยวันนี้ก็ยังเป็นหนังม้วนเก่า หรือเหล้าเก่าในขวดใหม่ไม่เปลี่ยนแปลง การเมืองตั้งแต่เริ่มต้น ล้วนล้อมรอบอยู่ในเกมแห่งอำนาจ ช่วงชิงอำนาจรัฐแย่งกันตั้งรัฐบาล ฝ่ายที่พ่ายแพ้ที่ไม่สามารถรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้ก็ไม่ยอมจบ ไม่เคารพมติมหาชน ไม่ยอมทนให้โอกาสรัฐบาลทำงาน จ้องแต่จะหาทางล้มฝ่ายรัฐบาลโดยไม่รามือ เรียกว่าข้าไม่ได้เป็นรัฐบาล คุณก็อย่าได้อยู่เป็นสุข หาเหตุเปิดประเด็นจ้องเล่นงานฝ่ายตรงข้ามตลอดเวลา ตอดเล็กตอดน้อยชกไม่เลือกประเด็น คงเพราะเห็นว่ารัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำ ห่างไม่ถึง 30 เสียง ฝ่ายค้านจึงเร่งโหมไฟจุดประเด็น เล่นไม่เลิกในทุกเรื่อง โดยมิได้สนใจว่าประชาชนส่วนใหญ่คิดเห็นอย่างไร สถานการณ์สุกงอมพอที่จะไล่จะล้มรัฐบาลแล้วหรือไม่
          การที่เสียง ส.ส.ในสภาที่สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อนับจำนวนมืออาจดูปริ่มน้ำ แต่เมื่อหันไปมองฝ่ายค้านก็ปริ่มจะขาดใจ ไร้คุณภาพ เพียงเริ่มต้นหลังเลือกตั้ง ก็ประกาศรวมกันเป็น 7 พรรค อ้างความชอบธรรมสารพัดว่าได้เสียงข้างมาก ประกาศสัตยาบันร่วมกันตั้งรัฐบาล หนุนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ กกต.ยังมิได้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ว่าแต่ละพรรคจะได้รับเลือก ส.ส.จำนวนเท่าใด สุดท้ายเมื่อ กกต.ประกาศรับรองผลอย่างเป็นทางการ รวมเสียงได้ไม่พอ ก็เกิดอาการเหวอหน้าแตกไปตามๆ กัน เสียงไม่พอตั้งรัฐบาล แถมบรรดาบุคคลสำคัญที่อยู่ในบัญชีรายชื่อ สอบตกยกคอก รวมถึงคุณหญิงที่ 7 พรรคสนับสนุนให้เป็นนายกฯด้วย
          แพ้เกมตั้งรัฐบาลแล้ว ยังไม่วายแค้นฝังหุ่น ทันทีเมื่อรัฐบาลเปิดแถลงนโยบายต่อสภา ก็มุ่งเดินหน้าใช้เวทีสภาอภิปรายซักฟอกเหมือนไม่ไว้วางใจ หาประเด็นด่านายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เสียๆ หายๆ มากกว่าจะอภิปรายเกี่ยวกับนโยบาย วิพากษ์วิจารณ์หรือเสนอแนะอย่างสร้างสรรค์ ฝ่ายค้าน 7 พรรคส่วนใหญ่ล้วนอภิปรายนอกเรื่องนอกประเด็น หรือไม่ก็ประท้วงด้วยท่วงทำนองเดิมๆ หาผู้อภิปรายที่เป็นสาระน้อยมาก ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน จึงมีน้อยมากตามไปด้วยอย่างน่าผิดหวัง คนที่อภิปรายพอได้สาระบ้าง ก็กลายเป็นตีปี๊บยกย่องให้เป็นดาวสภาแบบเกินจริง เหตุเพราะส่วนใหญ่อภิปรายไม่รู้เรื่อง นอกเรื่องนอกประเด็นนั่นเอง

          จบการอภิปรายในการแถลงนโยบาย รัฐบาลเริ่มต้นการบริหารประเทศด้วยเสียงปริ่มนํ้า ประชาชนทั้งหลายคงรอและติดตามดูผลงานฝ่ายค้าน ในการที่จะทำหน้าที่เพื่อตรวจสอบรัฐบาล รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน แต่ภาพและผลงานที่เห็นกลับวนเวียนอยู่ที่การทะเลาะกันในเรื่องส่วนตัวของ ส.ส.หญิง หรือไม่ก็หาเหตุจับผิดในประเด็นที่ไม่ใช่สาระสำคัญในทางกฎหมาย ขยายผลเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณ ให้เกินไปจากขอบเขตและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ทั้งที่รู้ดีว่าไม่มีผลในทางกฎหมาย และไม่อาจทำให้รัฐบาลล้มได้ แต่ก็ถือโอกาสตีกินขยายผล เพื่อทำลายความเชื่อถือของนายกรัฐมนตรี และ ครม.ทั้งคณะ โดยมิได้สนใจปัญหาความเดือดร้อนหรือปากท้องประชาชน หรือปัญหาอื่นๆ ที่มีผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชน
          ดังปรากฏว่า นับแต่มีฝ่ายค้าน 7 พรรค ยังไม่ปรากฏการหารือของฝ่ายค้าน ในการนำเสนอปัญหาที่มีผลกระทบต่อประชาชนในเรื่องใด หรือมีการเสนอกระทู้ถามในเรื่องที่เกี่ยวกับปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนแต่อย่างใด โดยเฉพาะพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ที่อ้างตนเป็นคนรุ่นใหม่อนาคตใหม่ ต่างสาละวนอยู่แต่เรื่องทะเลาะกับสังคม ชนกับกองทัพ หรือเปิดศึกกับ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลในเรื่องส่วนตัว
          เวลามาประชุมสภาฯ ก็ได้แต่อวดชุดแต่งกาย แข่งกันแสดงแฟชั่นโชว์ เดินบิดกายม้วนตัวให้นักข่าวถ่ายภาพ และก็สนใจชูแต่ประเด็นการเมือง โดยเฉพาะการจะรื้อล้างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ สร้างความขัดแย้งกับประชาชนกว่า 16 ล้านเสียง ที่ลงประชามติรับรัฐธรรมนูญ และอาจบานปลายไปถึงความขัดแย้งทางการเมืองรอบใหม่ ระหว่างประชาชนที่มีความเห็นต่างทางการเมือง ซํ้ารอยอดีต

          ส่วนฝ่ายค้านพรรคใหญ่ที่เป็นหัวขบวน เมื่อได้หัวหน้าพรรค มีผู้นำฝ่ายค้านก็ประกาศจะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตั้งแต่ไก่โห่ ทั้งที่รัฐบาลยังไม่ได้เริ่มทำงานแต่อย่างใด ดูๆ ไปแล้วรัฐบาลปริ่มนํ้าจะอยู่นานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ที่แน่ๆ ฝ่ายค้านชุดนี้อยู่ยาวแน่นอน โอกาสจะเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล คงต้องรอการเลือกตั้งอีกหลายรอบ หรือไม่พรรคฝ่ายค้านอาจล้มไปก่อนรัฐบาล ด้วยความผิดของพรรคที่กระทำการอันเป็นความผิดต่อรัฐธรรมนูญร้ายแรง ถึงขนาดอาจถูกยุบพรรคไปก่อนกาลอันควรก็เป็นได้ ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ รอวันพิพากษาเท่านั้น
          ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน รัฐบาลปริ่มนํ้าดูเหมือนจะอยู่ได้ไม่นาน อาจล้มควํ่าลงวันใดก็เป็นได้ อย่างที่หลายท่านเป็นห่วงนั้นก็จริงอยู่ หากฝ่ายค้านไร้คุณภาพ ไม่มีประสิทธิภาพในการทำงานทำหน้าที่ ทำงานการเมืองโดยไม่ใส่ใจประชาชน ไม่สนใจสร้างความดีให้ประชาชนศรัทธา จ้องแต่หาประเด็นด่าโจมตีรัฐบาลแบบไร้ข้อมูลและเหตุผล เดินยุทธวิธีการเมืองโดยปราศจากแนวร่วม หรือพลังประชาชนสนับสนุนอย่างที่เห็นและเป็นอยู่ ไม่ใส่ใจปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และความเดือดร้อนของประชาชนในปัญหาที่ใกล้ตัว หรือที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่อย่างจริงจังและจริงใจ ต่างเอามันและสะใจแต่ประเด็นทางการเมือง สนใจแต่จะแก้รัฐธรรมนูญไม่สนใจแก้ปัญหาชีวิตประชาชน จึงยากที่ฝ่ายค้านจะได้รับผลสำเร็จและครองใจประชาชน
          ความเป็นฝ่ายค้านที่ไร้คุณภาพและไร้ประสิทธิภาพ ย่อมยากที่จะชนะและล้มรัฐบาลปริ่มนํ้าลงได้ ขอเพียงรัฐบาลเป็นมวยมุ่งมั่นสร้างผลงานทำความดีกับประชาชนบริหารด้วยความซื่อสัตย์สุจริตไม่ทะเลาะต่อปากต่อคำกับการเมืองที่ไร้สาระ สนใจปัญหาทุกข์สุขของประชาชน รัฐบาลปริ่มนํ้าก็อยู่ได้นานด้วยศรัทธาประชาชน เพราะรัฐบาลจะอยู่หรือไป มิใช่เพราะฝ่ายค้านแต่อยู่ที่ศรัทธาของมหาชนครับ