“พิพัฒน์” ย้ำปิดสถานบันเทิงตี4 จัดโซนนิ่งเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว

23 ส.ค. 2562 | 06:33 น.

     รมว.พิพัฒน์ ย้ำแนวคิดขยายปิดสถานบันเทิงถึงตี4 เป็นการจัดโซนนิ่งเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว ไม่ได้ปูพรมทั่วประเทศ  ด้านอดีตประธาน สทท. โพสเฟซบุ๊กห่วงรายได้ไม่คุ้มค่ากับผลเสียด้านสังคม วัฒนธรรม  สิ่งแวดล้อมที่จะตามมา

 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าผมอยากย้ำในแนวคิดเรื่องมาตรการขยายเวลาปิดสถานบริการจาก ตี2 ไป ตี4 ว่าเราไม่ได้ต้องการปูพรมทำทั่วประเทศ แต่จะจัดโซนนิ่งเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติเท่านั้น

 อีกทั้งก่อนจะดำเนินการในเรื่องนี้ เราได้วางแผนที่จะให้มีการทำ workshop ร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ผลสรุปว่าจะมีผลดีและผลเสียอย่างไร

“พิพัฒน์” ย้ำปิดสถานบันเทิงตี4 จัดโซนนิ่งเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว

 “ผมขอยืนยันว่า สิ่งที่ผมคำนึงถึงที่สุดคือมาตรการดังกล่าวจะต้องไม่กระทบต่อศีลธรรมอันดีของประเทศ ต่อกลุ่มเยาวชน และประชาชนทั่วไปจะต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองไม่ให้ได้รับผลกระทบที่ไม่ดีจากมาตรการดังกล่าว ความสงบเรียบร้อยของประเทศและการมีสังคมที่ดีเป็นสิ่งที่ผมคำนึงถึงตลอดและเป็นอันดับแรก” นายพิพัฒน์ กล่าวและระบุว่า   

ทั้งนี้ในเรื่องนี้ ผมเปิดกว้างในทุกความเห็นครับ อยากให้เราได้คุยและหารือกัน หามาตรการใหม่ๆด้วยกัน ร่วมกันผลักดันให้ประเทศไทย เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ ปลอดภัย สะอาด ไม่เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ สำคัญที่สุดคือทุกคนได้รับประโยชน์จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงมีความรับผิดชอบร่วมกัน นายพิพัฒน์ กล่าวในที่สุด

 

“พิพัฒน์” ย้ำปิดสถานบันเทิงตี4 จัดโซนนิ่งเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว

ด้านนายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยหรือสทท.แสดงความคิดเห็นในเรื้องนี้ผ่านทางเฟซบุ๊ค ว่า จริงๆแล้วผมเคยแอบชื่นชมท่าน รมต.ที่ท่านพยายามหาข้อมูลในการทำหน้าที่ รมต.ท่องเที่ยว เพื่อสร้างผลงานให้เทียบเท่า รมต.ท่องเที่ยวที่ผ่านมา และที่สำคัญการท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติ

แต่การท่องเที่ยวก็ไม่ได้เป็นยาวิเศษที่จะทำทุกอย่างได้เพื่อหวังเพียงรายได้เพียงอย่างเดียว การท่องเที่ยวมีความอ่อนไหวต่อผลกระทบจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งทางบวกและทางลบ แนวนโยบายต่างๆที่ออกมาจึงจำเป็นต้องมองรอบด้านในหลายๆมิติอย่างรอบคอบถึงผลกระทบด้านต่างๆที่ตามมา 

จะเห็นว่าท่าน รมต.ท่องเที่ยวฯได้พยายามเสนอแนวนโยบายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการยกเว้นวีซ่าให้กับสองประเทศใหญ่ แต่ก็ไม่ผ่านมติ ค.ร.ม.(ตามที่เป็นข่าว) และล่าสุดการเสนอให้มีการขยายเวลาเปิดผับบาร์ ถึงตี 4 ในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เพื่อหวังเงินรายได้จากนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวเพื่อหาความสำราญในเวลากลางคืน ประเด็นก็คือ ท่านมองรอบด้านแล้วหรือยัง? เช่น

“พิพัฒน์” ย้ำปิดสถานบันเทิงตี4 จัดโซนนิ่งเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว

1. นักท่องเที่ยวกลุ่มนั้นมีกี่เปอร์เซ็นต์ จริงอยู่ท่านอาจมีข้อมูลงานวิจัยของการทรวงฯ แต่งานวิจัยนั้นได้ทำครอบคลุมทุกพื้นที่หรือไม่

2. นักท่องเที่ยวในบางพื้นที่เช่น อ่าวนาง 70 % เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเป็นครอบครัว และต้องการเวลาพักผ่อนในเวลาค่ำคืนอย่างแท้จริง 

3. ผับ บาร์ ส่วนใหญ่ในแหล่งท่องเที่ยวเป็นบาร์เปิด ซึ่งไม่สามารถควบคุมเรื่องเสียงดังรบกวนผู้ประกอบการในธุรกิรกิจอื่นที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้ เช่นโรงแรม ที่พักที่นักท่องเที่ยวอีกกลุ่มต้องการเวลาในการพักผ่อน เป็นการสร้างปัญหาผลกระทบให้ผู้ประกอบการอื่นๆ

4. ปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด โสเภณีที่จะสร้างผลกระทบต่อสังคม

5. เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนจากผู้ถือกฏหมาย(บางคน บางกลุ่ม)ในการเรียกรับผลประโยชน์

นั้นเป็นแค่ตัวอย่างส่วนหนึ่งของปัญหาที่เกิดขึ้นมาแล้วจากการให้ปิดบาร์ในเวลาปกติคือตีสอง และถ้าเปิดถึงตีสี่ลองคิดดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นตามมาอีก ถามว่ารายได้ที่ได้มาคุ้มค่ากันไหมกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทางสังคม วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมที่จะตามมา และที่สำคัญไม่อยากให้การท่องเที่ยวต้องตกเป็นจำเลยที่ถูกตราหน้าว่าการเติบโตทางการท่องเที่ยวทำลาย วัฒนธรรม คุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อม!??! 

“พิพัฒน์” ย้ำปิดสถานบันเทิงตี4 จัดโซนนิ่งเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว

จึงเรียนท่าน รมต.ท่องเที่ยวฯด้วยความเคารพและเข้าใจในความปรารถนาดีของท่าน แต่ขอให้ท่านได้โปรดมองรอบด้านสักนิดเพื่อทุกฝ่ายจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข นักท่องเที่ยวทุกกลุ่มมีความประทับใจ และที่สำคัญที่สุดนโยบายของรัฐบาลต้องการพัฒนาประเทศไทยเป็น “เมืองท่องเที่ยวคุณภาพ”