รมว.คลังเรียกเชื่อมั่นรัฐบาลผสม

รมว.คลัง วอนนักลงทุนเชื่อมั่น รัฐบาลผสม พร้อมเดินหน้ายุทธศาสตร์ที่วางไว้ ย้ำไม่นิ่งนอนใจสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรองรับความผันผวน

               นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังเปิดงานและปาฐกถาพิเศษ Opening Speech : The New Policy Paradigm (มองไปข้างหน้า สู่นโยบายใหม่) ในงาน Thailand Focus 2019 ว่า ขอให้นักลงทุนมั่นใจว่า รัฐบาลที่เป็นรัฐบาลผสม จะเดินหน้าบริหารประเทศตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน ส่วนปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศ โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน เป็นสิ่งที่รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และยังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากพบว่า ที่ผ่านมา สถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) สะท้อนจากจีดีพีไตรมาส 2 ที่ขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ 2.3% จากไตรมาสแรกที่ขยายตัวได้ 2.8%

               “ยอมรับว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันมีความท้าทายมาก และที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย แต่เราไม่ได้นิ่งนอนใจ  นี่คือเหตุผลที่เราได้ออกชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาแล้ว ถือว่าเร็ว เพราะรัฐบาลนี้ ทำงานได้เดือนกว่าๆ เท่านั้น  แต่มองเห็นถึงความจำเป็นที่จะออกมาตรการเร่งด่วนออกมา เนื่องจากต้องการสร้างความมั่นใจ รักษาความมั่นใจ ความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ผู้ประกอบการในประเทศ รวมถึงผู้ประกอบการจากต่างประเทศ และนักลงทุนด้วย”

สำหรับมาตรการที่ออกมานั้น รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รัฐบาลยังคงรักษาให้อยู่ในกรอบวินัยการคลัง รวมถึงในปัจจุบัน ไทยยังมีความยืดหยุ่นทั้งด้านการเงินและการคลัง ที่พร้อมจะออกมาตรการเพิ่มเติมได้อย่างเหมาะสม ส่วนเรื่องมาตรการ ชอป ชิม ใช้ มาตรการทุกอย่างมีเป้าหมายชัดเจน โดยต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ และลดผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง ส่วนกรณีที่พบว่า มีผู้ถือบัตรสวัสดิการ กดเงินไปซื้อสุรานั้น ยอมรับว่า พบบ้างแต่เป็นส่วนน้อย ซึ่งได้มอบหมายให้ส่วนงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสื่อสารและทำความเข้าใจกับประชาชนถึงวัตถุประสงค์ในการใช้บัตรสวัสดิการ ทั้งนี้ยืนยันว่า กระทรวงการคลังมีมาตรการป้องปรามที่มีประสิทธิในการดูแลแน่นอน

               ขณะที่ ความคืบหน้ากองทุนหุ้นยั่งยืน (SEF) ที่สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ได้เสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณา เพื่อมาแทนกองทุน LTF นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในรายละเอียด คาดจะได้ความชัดเจนภายในเร็วๆนี้ โดยจะพิจารณาถึงความเหมาะสมรอบด้าน