SCBS เชื่อสงครามการค้าถึงจุดพีคแล้ว หลังสหรัฐ- จีน ต่างตอบโต้เก็บภาษีสินค้าเพิ่ม เริ่ม 1 กันยายนนี้ เหตุเศรษฐกิจสหรัฐส่งสัญญาณชะลอมากขึ้น แนะลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยในกองรีท หุ้นปันผล และทองคำแทน
บริษัทหลักทรัพย์ (บล) ไทยพาณิชย์ หรือ SCBS ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สงครามการค้ารุนแรงมากขึ้นในสัปดาห์นี้เนื่องจาก (1) จีนประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐมูลค่า 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในอัตรา 5-10% เริ่ม 1 กันยายน และ15 ธันวาคม 2562 ขณะที่โดนัลด์ ทรัมพ์ประกาศขึ้นภาษีอีก 5% จากอัตราเดิมที่เก็บไปแล้ว โดยสหรัฐจะเก็บภาษีในสินค้า 2.5 แสนล้านดอลลาร์ และบางส่วนของสินค่ามูล ค่า 3.0 แสนล้านเพิ่มขึ้นเป็น 30% และ 15% ตามลำดับ โดยเริ่ม1 กันยายนและ 15 ธันวาคม นี้เช่นกัน
อย่างไรก็ดีเชื่อว่ายากที่จะยกระดับสงครามการค้าให้มากไปกว่านี้ โดยในด้านหนึ่งเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มส่งสัญญาณชะลอลงมากขึ้น จากความไม่แน่นอนในสงครามการค้า ทั้งจากดัชนี Manufacturing PMI ที่เริ่มเข้าสู่แดนลบ ขณะที่การจ้างงานภาคยานยนต์หดตัว 1.6 หมื่นตำแหน่งตั้งแต่ต้นปี นอกจากนั้นการขึ้นภาษีต่อไปอาจเริ่มกระทบคะแนนเสียงมากขึ้น โดยโพลของสถาบัน Quinnipiac บ่งชี้ว่า 41% ของชาวอเมริกันมองว่านโยบายการค้าของทรัมพ์ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐตกต่ำมากกว่า 37% ที่ยังเห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว ทำให้ทรัมพ์เริ่มส่งสัญญาณที่พร้อมเจรจามากขึ้น
แต่เหตุผลด้านการเมืองอาจทำให้สงครามรุนแรงขึ้น เพราะหากทรัมพ์เริ่มสัญญาณว่าจะยอมลดระดับความรุนแรงลง อาจถูกมองว่าอ่อนแอต่อแรงกดดันจีนและทำให้เสียคะแนนให้กับผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตมากขึ้น
SCBS แนะกระจายการลงทุนเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยง จากสงครามการค้าและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น โดยให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่แทน เช่น กองทุนอสังหารมิ ทรัพย์(REITs) กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน(Infrastructure fund)หุ้นปันผล หุ้นกู้บริษัทที่มีสถานะทางการเงินดี
ทั้งนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาของ REITs ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับจุดสูงสุดที่ทำไว้ในเดือน กรกฏาคมที่ผ่านมา พร้อมแนะเพิ่มผลตอบแทนในพอร์ตโฟลิโอ โดยเข้าซื้อทองคำ โดยราคาที่ปรับลงมาบริเวณ 1,450 – 1,500 เหรียญเป็นช่วงน่าสนใจเข้าไปลงทุน