สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯเดือดถ้อยแถลงเชิงพิราบของประธานเฟด หนุนทองทะยาน

04 ก.ย. 2562 | 12:41 น.

 

 

คอลัมน์ ครบเครื่องเรื่องทองกับ YLG

พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

 

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคมนับว่า เป็นวันที่นักลงทุนทองคำจะตื่นตาตื่นใจไม่น้อยเพราะราคาทองคำทะยานขึ้นถึง 28.94 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในวันเดียว ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมาก หลังจากจีนและสหรัฐฯผลัดกันออกหมัดด้วยการเพิ่มการเรียกเก็บภาษี เรียกได้ว่า เป็นประเด็นที่กลบการแสดงสุนทรพจน์นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง เลยทีเดียว วันนี้ทาง YLG ขอไล่เลียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดมาให้ผู้อ่านได้รับทราบกัน

หมัดแรกถูกออกอาวุธโดยจีนที่ออกมาประกาศว่า จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มอีก 5-10% สำหรับสินค้าสหรัฐฯ จำนวน 5,078 รายการที่มีมูลค่า 7.5 หมื่นล้าน เพื่อตอบโต้การเรียกเก็บภาษีนำเข้าล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยจะถูกแบ่งเป็น 2 รอบ รอบแรกจะบังคับใช้ในวันที่ 1 กันยายน บนสินค้าของสหรัฐฯจำนวน 1,717 รายการ อาทิ ถั่วเหลือง ซึ่งจะถูกเก็บภาษีเพิ่มอีก 5%, เนื้อหมูและเนื้อวัวจะถูกเก็บภาษีเพิ่มอีก 10% และนํ้ามันดิบจะถูกเก็บภาษีเป็นครั้งแรกในอัตรา 5% และส่วนที่เหลืออีกจำนวน 3,361 รายการ จะมีผลบังคับใช้วันที่ 15 ธันวาคม อาทิ ข้าวสาลี, ข้าวโพด และข้าวฟ่างซึ่งจะถูกเก็บภาษีเพิ่มอีก 10% พร้อมกันนี้จีนยังประกาศจะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐฯในอัตรา 25% และชิ้นส่วนรถยนต์นำเข้าจากสหรัฐฯจะถูกเก็บภาษีในอัตรา 5% โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ธันวาคม อีกด้วย

สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯเดือดถ้อยแถลงเชิงพิราบของประธานเฟด หนุนทองทะยาน

 

 

 

 

 

 

มีหรือที่สหรัฐฯจะถูกโจมตีเพียงฝ่ายเดียว เพราะหลังจากนั้นไม่นาน ประธานาธิบดีทรัมป์ก็ออกหมัดตอบโต้อย่างทันควัน ด้วยการทวีตข้อความว่า เขาได้สั่งให้บริษัทสหรัฐฯรีบถอนตัวออกจากจีนโดยทันที และให้กลับมาผลิตสินค้าในสหรัฐฯ ไม่เพียงแค่นั้นประธานาธิบดีทรัมป์ ยังประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 5% บนสินค้าจีนวงเงิน 5.5 แสนล้านดอลลาร์ ทำให้สินค้าจีนวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์จะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากเดิม 25% โดยจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ตุลาคมนี้ ด้านสินค้าจีนในส่วนที่เหลืออีก 3 แสนล้านดอลลาร์ จะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 15% จากเดิมที่ 10% โดยจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 กันยายนนี้

สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯเดือดถ้อยแถลงเชิงพิราบของประธานเฟด หนุนทองทะยาน

โดนัลด์ ทรัมป์

สงครามการค้าที่ดุเดือดระหว่าง 2 ประเทศได้กดดันดอลลาร์สหรัฐฯให้อ่อนค่าลง พร้อมกับกระตุ้นแรงขายในสินทรัพย์เสี่ยงจนกระตุ้นแรงซื้อทองคำ ในส่วนของสุนทรพจน์นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แม้ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก แต่การที่พาวเวลล์ระบุว่า จะดำเนินการตามความเหมาะสมact as appropriate” เพื่อรักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจพร้อมระบุว่ามีsignificant risks” หรือ ความเสี่ยงที่มีนัยสำคัญทั้งทางเศรษฐกิจและทางภูมิรัฐศาสตร์ นั่นถือว่า ถ้อยแถลงที่เอนเอียงไปในเชิงพิราบเพียงพอที่จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนราคาทองคำ ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดช่วยหนุนให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นเกือบ 2% ในวันศุกร์ และทะยานขึ้นต่อในช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พร้อมกับทำระดับสูงสุดของปีนี้ครั้งใหม่บริเวณ 1,555 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

 

 

 

 

 

แต่เรื่องราวของสงครามการค้าระหว่าง 2 ประเทศพลิกไปพลิกมาจนท่านผู้อ่านอาจจะตามไม่ทัน เพราะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาเปิดเผยในเวลาต่อมาว่า สหรัฐฯและจีนจะเริ่มเจรจาการค้ารอบใหม่จนราคาทองคำถูกขายทำกำไรออกมาเป็นระยะ เรียกได้ว่า สงครามการค้าครั้งนี้ดูจะคาดการณ์ยากเหลือเกินว่า จะจบลงเช่นใดและจะจบลงเมื่อใด ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่มั่นใจนักว่าทั้ง 2 ประเทศจะสามารถแก้ไขข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างกันได้เพราะยังขาดแนวทางที่ชัดเจน ในยามนี้ นักลงทุนทองคำจึงต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่ผันผวนอย่างมาก

 

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,501 วันที่ 5-7 กันยายน2562

              สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯเดือดถ้อยแถลงเชิงพิราบของประธานเฟด หนุนทองทะยาน