‘แคร์รี แลม’ โต้ ‘ฟิทช์ เรทติ้งส์’ หลังฮ่องกงถูกลดเครดิต-หั่นคาดการณ์ GDP เหลือ 0%
นางแคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษฮ่องกง กล่าวแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก ได้ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฮ่องกงลง โดยมีสาเหตุจากการที่ฮ่องกงเผชิญกับการชุมนุมประท้วงที่ยาวนานติดต่อกันกว่า 3 เดือนแล้วโดยเริ่มมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562
ทั้งนี้ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Foreign Currency Issuer Default Rating - IDR) ของฮ่องกงลงสู่ระดับ AA จากระดับ AA+ และยังให้มุมมองความน่าเชื่อถือของฮ่องกงเป็น "เชิงลบ" ซึ่งการจัดเรทติ้งดังกล่าวจะส่งผลทำให้บริษัทในฮ่องกงรวมทั้งรัฐบาลฮ่องกงมีต้นทุนในการกู้ยืมสูงขึ้นได้
นอกจากนี้ การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฮ่องกงโดยฟิทช์ เรทติ้งส์ ครั้งนี้ ยังเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา และในส่วนของความท้าทายทางเศรษฐกิจนั้น รายงานของฟิทช์ เรทติ้งส์ ระบุว่า การชุมนุมประท้วงที่ยืดเยื้อได้สร้างความเสียหายให้กับธุรกิจท้องถิ่นและเศรษฐกิจของฮ่องกงในภาพรวมที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนอยู่แล้ว ฟิทช์ฯ คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของฮ่องกงในปีนี้จะลดลงจากระดับ 3% ในปี 2561 มาอยู่ที่ระดับ 0% หรือไม่มีการเติบโต และงบประมาณที่เคยเกินดุลก็คาดว่าตัวเลขเกินดุลจะลดลงมาจนเกือบจะติดศูนย์ในปีนี้เนื่องมาจากรัฐบาลมีแผนทุ่มใช้งบในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่เชื่อว่ารายได้ของฮ่องกงจะลดลง
ฟิทช์คาดการณ์ว่า นโยบาย "หนึ่งประเทศ สองระบบ" ของฮ่องกงจะยังคงอยู่ต่อไป แต่ความไม่พอใจของประชาชนก็จะยังคงอยู่เช่นกันแม้ว่ารัฐบาลฮ่องกงจะยอมทำตามข้อเรียกร้องบางประการของกลุ่มผู้ประท้วงแล้วก็ตาม สิ่งที่สำคัญก็คือ การชุมนุมประท้วงที่ยืดเยื้อยาวนานได้สร้างเสียหายในระดับลึกให้กับภาพลักษณ์ของฮ่องกงในแง่ของคุณภาพและประสิทธิภาพในระบอบธรรมาภิบาลและการบังคับใช้กฎหมายเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคม ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบต่อเนื่องมาถึงสเถียรภาพและพลวัตรการเติบโตของการทำธุรกิจในฮ่องกงด้วย
นางแคร์รี แลม ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนมณฑลกวงสี ประเทศจีน เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา กล่าวว่า ฟิทช์ผิดพลาดที่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฮ่องกง “เราไม่เห็นด้วยกับฟิทช์ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ไม่ได้ทำลายหรือลดคุณค่าของนโยบายหนึ่งประเทศ สองระบบลงแต่อย่างใด” ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงยังกล่าวด้วยว่า ข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ต้องการให้รัฐบาลยุติการดำเนินคดีต่อผู้ประท้วงที่ใช้ความรุนแรงนั้นถือเป็นการขัดต่อกฎหมาย พื้นฐานของฮ่องกง
การชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ในฮ่องกงยังคงยืดเยื้อและมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อเป้าหมายของผู้ชุมนุมได้ลุกลามบานปลายจากเดิมที่เป็นการประท้วงต่อต้านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน กลายมาเป็นการชุมนุมเรียกร้องให้นางแคร์รี แลม ลาออกจากตำแหน่ง และเรียกร้องให้มีประชาธิปไตยในฮ่องกง รวมทั้งการทำให้ฮ่องกงเป็นอิสระจากจีนแผ่นดินใหญ่