แนะดักหุ้นรับอานิสงส์ “ ชิม ช้อป ใช้”

11 ก.ย. 2562 | 07:21 น.


GBS แนะดักทาง มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว “ชิม ช้อป ใช้” ชูหุ้น SPA-ASAP-ERW-TNP ลุ้นผลประชุมธนาคารกลางยุโรปวันพฤหัสและผลประชุมเฟดกลางเดือนนี้
    นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 3.16 แสนล้านบาทของรัฐบาล ทั้งกระตุ้นท่องเที่ยว ช่วยเหลือเกษตรกร ดูแลค่าครองชีพและช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งแต่ละมาตรการจะค่อยๆ ทยอยมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่เดือนก.ย.เป็นต้นไป ส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ เนื่องจากมีเม็ดเงินอัดฉีดกระจายลงไปในทุกๆ ภาคส่วน ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น

แนะดักหุ้นรับอานิสงส์ “ ชิม ช้อป ใช้”
    ฝ่ายวิจัย ประเมินว่า มาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคท่องเที่ยวของภาครัฐในครั้งนี้ ทั้งการใช้จ่ายในด้านอาหาร เครื่องดื่ม ค่าที่พักรวมถึงบริการต่างๆ ค่าซื้อสินค้าท้องถิ่น ค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าประชารัฐ หรือค่าบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวในท้องถิ่น เช่น สปา การเช่าพาหนะ ค่าบริการนำเที่ยวในพื้นที่ทั่วประเทศ ถือเป็นการกระจายเม็ดเงินไปในระบบเศรษฐกิจของประเทศให้มีการจับจ่ายใช้สอยหมุนเวียนมากขึ้น โดยเฉพราะในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ GDP เติบโตถึงระดับ 3% ตามเป้าหมายของรัฐบาล 

    ดังนั้นหากประเมินหุ้นที่ได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว "ชิม ช็อป ใช้" ดังกล่าว มองว่าหุ้น TNP ได้ประโยชน์สูงสุด เพราะเป็นประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ปัจจุบันมีสาขารวมทั้งสิ้น 25 สาขา ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และจังหวัดพะเยา รองลงมาเป็นหุ้น ASAP ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรถยนต์ให้เช่า ซึ่งจะช่วยให้มีการเช่ารถเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีรถรองรับให้บริการถึง 6,700 คัน
    ส่วน SPA จัดเป็นหุ้นอีกตัวหนึ่งที่ได้ประโยชน์จากมาตรการ “ชิม ช็อป ใช้” ในครั้งนี้เพราะเป็นผู้ดำเนินธุรกิจด้านสปาเพื่อสุขภาพ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสปา ซึ่งมีการให้บริการในหลายระดับตั้งแต่ระดับ 2ดาวไปถึง 5 ดาว รวมทั้ง ERW ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงแรมหลายระดับราคารวมทั้งโรงแรมราคาประหยัดกระจายอยู่ทั่วประเทศ  

สำหรับภาพรวมการลงทุนในขณะนี้ ทางฝ่ายวิจัย มองว่า ยังคงแกว่งตัวในลักษณะ Sideway โดยให้กรอบดัชนี 1,660-1,690 จุด เนื่องจากยังถูกกดดันจากปัจจัยต่างประเทศต่อเนื่อง ทั้งม็อบฮ่องกงที่ยังคงชุมนุมต่อ เพื่อกดดันให้ทางการทำตามข้อเรียกร้องที่เหลือและยังมีรายงานตัวเลข GDP ของญี่ปุ่น ไตรมาส 2/2562 ที่ขยายตัว 1.3% ลดลงจากประมาณการเบื้องต้นที่ 1.8% แสดงถึงภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกมีการชะลอตัว ขณะเดียวกันยังมีประเด็นที่น่าจับตาคือ การประชุมของธนาคารกลางยุโรป(ECB)เกี่ยวกับดอกเบี้ยนโยบายในวันที่ 12 ก.ย. การเปิดเผยตัวเลขลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)ของจีน และการประชุมนโนยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ (FED)ที่จะเกิดขึ้น ในวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะเข้ามามีอิทธิพลต่อภาคการลงทุน  

แนะดักหุ้นรับอานิสงส์ “ ชิม ช้อป ใช้”