ยอดชำระหนี้กยศ. ทุบสถิติ ปีนี้พุ่ง 3 หมื่นล้านบาท

11 ก.ย. 2562 | 08:22 น.

            กยศ.มั่นใจ ยอดชำระหนี้ปีหน้าเพิ่มเป็น 3.2 หมื่นล้านบบาท ปล่อยกู้ไม่อั้นได้แน่ หลังตั้งเป้าหักหนี้ผ่านบัญชีเงินเดือนได้ 1 หมื่นล้านบาท  เผย เตรียมหารือกฤษฎีกาหาทางช่วยลูกหนี้ถูกฟ้องศาลคดีใกล้หมดอายุความให้ชำระหนี้ง่ายขึ้น พร้อมพักชำระหนี้-ดอกเบี้ยผู้ประสบภัยน้ำท่วมอีสาน

               นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.)เปิดเผยว่า กยศ.ได้รับการชำระหนี้มาแล้ว 29,700 ล้านบาท จึงมั่นใจว่า ปีการศึกษา 2562 นี้ กยศ.จะมีวงเงินชำระหนี้สูงกว่า 30,000 ล้านบาท สามารถให้กู้ใหม่ได้ถึง 6 แสนราย สูงสุดเป็นประวัติการณ์จากปี 2552 ที่มียอดการชำระหนี้เข้ามาเพียง 5,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 2561 ที่ผ่านมามียอดชำระหนี้ทั้งหมด 26,000 ล้านบาท สามารถให้กู้ใหม่ได้ 5.4 แสนราย สาเหตุหลักมาจากการหักหนี้ผ่านบัญชีธนาคารของหน่วยงานข้าราชการและเอกชนขนาดใหญ่  4  แสนราย วงเงิน 420 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 3,000 ล้านบาทต่อปี ดังนั้นคาดการณ์ปีหน้า กยศ.จะมีเงินชำระหนี้เข้ามาเพิ่มขึ้นเป็น 32,000 ล้านบาท ซึ่งจะคำนวณอีกครั้งในปลายปีนี้ว่า จะสามารถช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาให้ได้รับทุนจากกยศ.มากน้อยเพียงใด

ยอดชำระหนี้กยศ. ทุบสถิติ ปีนี้พุ่ง 3 หมื่นล้านบาท

               ปีนี้จะเป็นปีแรกที่มียอดชำระหนี้เข้ามาสูงสุด ซึ่งเราสามารถให้ทุนได้แบบไม่จำกัดจำนวน เพราะ 30,000 ล้านบาทที่ได้มา ถือว่าเยอะมาก ฉะนั้นใครที่อยากได้ทุนให้ขอเข้ามา เราจะพิจารณาหมด ส่วนปีหน้าจริงๆ เราน่าจะได้รับการชำระหนี้เข้ามาถึง 33,000 ล้านบาท แต่ต้องหักส่วนที่ได้รับการพักชำระหนี้ไปอีก 7,000 ล้านบาท เลยทำให้คิดว่าปีหน้าตั้งเป้าได้รับชำระหนี้คืนประมาณ 32,000 ล้านบาทนายชัยณรงค์ กล่าว

               ขณะเดียวกัน กยศ.ยังคาดการณ์ปีหน้าจะเพิ่มยอดการชำระหนี้ที่หักผ่านบัญชีเงินเดือนลูกหนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็น 700,000 ราย ซึ่งจะสามารถได้เงินชำระหนี้เพิ่มเป็น 800 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 10,000 ล้านบาทต่อปี และในปี 2564 จะได้ครบทั้ง 100% ที่ 1.2 ล้านคน จะทำให้มียอดชำระหนี้ที่หักผ่านบัญชีเงินเดือนสูงถึง 1,000 ล้านบาท หรือ 12,000 ล้านบาทต่อปี

        

นอกจากนี้กยศ.ยังมีนโยบายช่วยเหลือลูกหนี้ที่ถูกฟ้องดำเนินคดีและมีคำพิพากษาให้ชำระหนี้ให้ กยศ.เป็นรายเดือน ที่มีจำนวน 1.6 ล้านราย โดยแต่ละรายมีหนี้ประมาณ 1.2 แสนบาท ให้ได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติม เนื่องจากลูกหนี้กลุ่ม จะหมดอายุความภายใน 2 ปี แต่เขามีระยะเวลาชำระหนี้เหลืออีก 5 ปีจึงจะมีการส่งหนังสือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อสอบถามถึงแนวทางว่า กยศ.จะเข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวได้อย่างไร เพื่อไม่ให้ขัดต่อกฎหมายด้วย

               ลูกหนี้เราที่ถูกถูกฟ้องดำเนินคดีและมีคำพิพากษาให้ชำระหนี้ให้ กยศ.เป็นรายเดือนที่มีอยู่ บางรายจะหมดอายุความภายใน 2 ปี แต่เขามีระยะเวลาชำระหนี้เหลืออีก 5 ปี ซึ่งหมายความหลังจาก 2 ปีนั้น ลูกหนี้จะต้องกลับมาชำระหนี้เป็นรายปี ซึ่งอาจจะมีปัญหา ดังนั้น กยศ. จะเข้าไปช่วยเหลือ แต่ต้องดูที่ไม่ขัดกับข้อกฎหมายด้วยนายชัยณรงค์ กล่าว

ยอดชำระหนี้กยศ. ทุบสถิติ ปีนี้พุ่ง 3 หมื่นล้านบาท

               อย่างไรก็ตามในในปีนี้ กยศ.เตรียมฟ้องดำเนินคดีกับลูกหนี้เพิ่มเติมอีกกว่า 1.5-2 แสนราย ซึ่งเป็นกลุ่มลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระกับ กยศ.มากกว่า 4 ปี โดยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมถึงบางรายก็มีเจตนาไม่ชำระหนี้ แต่ก็ถือว่าอัตราการฟ้องร้องในปีนี้อยู่ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว และแม้จะอยู่ในกระบวนการฟ้องดำเนินคดี แต่ กยศ.ก็พร้อมเปิดให้ลูกหนี้เข้ามาเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ได้อยู่

               ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ทำให้ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้บ้าง เพราะลูกหนี้บางรายเคยมีงานทำบางคนก็ตกงาน ซึ่งเมื่อโทรไปสอบถามก็ได้รับแจ้งและขอชำระแค่บางส่วน เช่น เดิมมีภาระต้องชำระปีละ 3,000 บาท ก็ขอลดชำระหนี้แค่ 1,000 บาทนายชัยณรงค์ กล่าว

สำหรับพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมและประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติในภาคอีสาน กยศ.มีมาตรการในช่วยเหลือลูกหนี้สามารถขอผ่อนผันได้ไม่เกิน 2 คราวๆละไม่เกิน 1 ปี รวมระยะเวลาแล้วไม่เกิน 2 ปี โดยช่วงเวลาที่ได้รับการผ่อนผัน ผู้กู้ยืมไม่ต้องชำระหนี้ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย โดยกองทุนจะยกเว้นเบี้ยปรับหรือค่าธรรมเนียมกรณีผิดนัดชำระหนี้ที่เกิดขึ้นในระหว่างเวลาที่ได้รับการผ่อนผัน สำหรับกู้ยืมเป็นผู้ประสบภัยพิบัติ ทรัพย์สินได้รับความเสียหายรุนแรง และมีหลักฐานที่รับรองว่าเป็นผู้ประสบภัยจริงภายใน 1 ปีนับจากวันที่ประสบภัยพิบัติ, เป็นผู้มีรายได้ถดถอยเมื่อหักจำนวนเงินงวดที่ครบกำหนดชำระคืนกองทุนในปีนั้นมาเฉลี่ยเป็นรายเดือน แล้วมีเงินเหลือไม่เกินเดือนละ 2,500 บาท และเป็นผู้กู้ยืมเงินที่มีความจำเป็นต้องดูแลบุคคลในครอบครัวซึ่งชราภาพ ป่วย หรือพิการ ต้องเป็นผู้มีรายได้คงเหลือหลังจากการหักค่าใช้จ่ายที่ใช้ดูแลบุคคลในครอบครัว ซึ่งชราภาพ ป่วย หรือพิการแล้ว เหลือไม่เกิน 8,008 บาทต่อเดือน

               อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ ยังไม่สามารถประเมินจำนวนผู้กู้ที่ได้รับความเสียหายได้ เนื่องจากบางราย ไม่ได้ทำงานในภูมิลำเนาเดิม ซึ่งภายในเร็วๆ นี้จะสำรวจความเสียหายของลูกหนี้อีกครั้ง แต่สำหรับลูกหนี้ที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายที่ต้องการพักชำระหนี้  ให้นำหลักฐานรูปถ่าย ความเสียหายต่างๆ และหนังสือรับรองจากหน่วยงานราชการในพื้นที่ เพื่อมาขอพักชำระหนี้ได้

ยอดชำระหนี้กยศ. ทุบสถิติ ปีนี้พุ่ง 3 หมื่นล้านบาท