จี้เอกชนรับมือบาทแข็ง หวั่นทุบส่งออก4เดือนท้าย

12 ก.ย. 2562 | 06:37 น.

พาณิชย์ยัน ค่าเงินบาทไทยแข็งค่ายังไม่กระทบส่งออกตลาดสำคัญๆยังขยายตัวได้ดี  ชี้4เดือนที่เหลือค่าบาทอาจจะยังผันผวนแนะผู้ประกอบการทำประกันความเสี่ยงค่าเงิน เพื่อรองรับผลกระทบจากการความผันผวนและค่าเงินที่อาจจะแข็งค่าเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2562

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)  เปิดเผยว่า สนค. ได้ทำการวิเคราะห์อัตราแลกเปลี่ยนของประเทศคู่ค้าที่สำคัญและของไทย พบว่า ค่าเงินบาทเฉลี่ยจากต้นปีจนถึงวันที่ 30 ส.ค. 2562 อยู่ที่ 31.39 บาท ต่อ ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น 2.2%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน และแข็งค่ากว่าประเทศคู่แข่งและคู่ค้าที่สำคัญ ซึ่งส่วนมากค่าเงินอ่อนค่า เนื่องจากปัจจัยเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศ รวมทั้งความขัดแย้งระหว่างประเทศ อย่างเช่น เกาหลีใต้ (อ่อนค่า 6.5% ) สหภาพยุโรป (อ่อนค่า 6.3%)  อังกฤษ (อ่อนค่า6.2%) จีน (อ่อนค่า 5.3%)  อินเดีย (อ่อนค่า 5.1%)  ไต้หวัน (อ่อนค่า 4%)  มาเลเซีย (อ่อนค่า 4%)  และเวียดนาม (อ่อนค่า 2.1%) เป็นต้น 

อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยยังทำได้ดีกว่าประเทศที่ค่าเงินอ่อนค่า โดย 7 เดือนแรกของปี 2562 ไทยส่งออกหดตัว 1.9 % ส่วนเกาหลีใต้หดตัว 8.9% อังกฤษหดตัว 3.5% ไต้หวันหดตัว2.9% และมาเลเซียหดตัว4.8%  ดังนั้นการแข็งค่าของค่าเงินบาทแม้ว่าจะทำให้รายได้ผู้ประกอบการลดลง แต่ในภาพรวมส่งผลกระทบต่อการส่งออกยังจำกัด

จี้เอกชนรับมือบาทแข็ง  หวั่นทุบส่งออก4เดือนท้าย

ทั้งนี้ สินค้าเกษตรซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากแข็งค่าของค่าเงิน พบว่า แม้ว่าการส่งออกสินค้าเกษตรบางชนิดจะหดตัว แต่การส่งออกไปบางตลาดยังขยายตัวได้ดี เช่น การส่งออกข้าว 7 เดือนแรกหดตัว18.5 % แต่ส่งออกไปสหรัฐฯ ขยายตัว 13.9%  (มีสัดส่วน13.8% ของการส่งออกข้าวทั้งหมด) การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 7 เดือนแรกหดตัว 6.9% แต่การส่งออกไปญี่ปุ่นขยายตัว3.2% (มีสัดส่วน 10.6% ) การส่งออกข้าวโพด 7 เดือนแรกหดตัว 20.7% แต่การส่งออกไปเวียดนามขยายตัว 29.2% (มีสัดส่วน23.2%)

นอกจากนี้ การส่งออกอาหารทะเลกระป๋อง 7 เดือนแรกขยายตัว 2.3 %โดยส่งออกไปสหรัฐฯ ขยายตัว 16.5% และญี่ปุ่น ขยายตัว 10.4 เป็นต้น รวมถึงการส่งออกผลไม้สด/แช่แข็งที่มีความนิยมสินค้าไทยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การส่งออกขยายตัวสูงถึง 44.9 % สะท้อนให้เห็นว่าการส่งออกสินค้าเกษตรยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อการส่งออก เช่น ความต้องการสินค้า และคุณภาพสินค้า เป็นต้น ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าไลฟ์สไตล์หลายชนิดที่ขยายตัวได้ดี เช่น เครื่องสำอาง/ผลิตภัณฑ์รักษาผิว เครื่องรับวิทยุและส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ตู้เย็น และผลิตภัณฑ์ยาง

สำหรับช่วงที่เหลือของปี 2562 คาดว่า ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มทรงตัวหรืออาจจะแข็งค่าเพิ่มขึ้น โดยเคลื่อนไหวในช่วง 30.0-31.0 บาท ต่อ ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปัจจัยหลักที่อาจจจะทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ประกอบด้วย  การดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติมของประเทศสำคัญของโลก อย่าง สหรัฐฯ จีน และสหภาพยุโรป  แนวทางการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ หรือ Brexit และ  ความขัดแย้งการเมืองระหว่างประเทศ เป็นต้น ซึ่งต้องเร่งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการทำประกันความเสี่ยงค่าเงิน เพื่อรองรับผลกระทบจากการความผันผวนและค่าเงินที่อาจจะแข็งค่าเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2562