มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ปรับใหญ่ใส่ของเล่นเพียบ

ผ่านไป 4 ปี “มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต” (Mitsubishi Pajero Sport) ได้ฤกษ์ “บิ๊กไมเนอร์เชนจ์” ซึ่งจริงๆแล้วระหว่างการเดินทาง หรือนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 จนถึงปี2019 ในแต่ละปีพีพีวีรุ่นนี้ได้รับการปรับปรุงอยู่เรื่อยๆ

มิตซูบิชิเขาเก่งเรื่องพวกนี้ครับ อาศัยพื้นฐานของผู้ผลิตชิ้นส่วนที่แข็งแกร่ง และข้อมูลที่มีอยู่เต็มมือในการพัฒนาโปรดักต์ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ตั้งแต่สิ่งเล็กๆ เรื่องจุกจิก ไปจนถึงภาพใหญ่

โฉมไมเนอร์เชนจ์ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงแบบตั้งใจคือ เรื่องไฟท้ายทรงถั่วงอกที่ถูกตัดหางให้สั้นลง พร้อมออกแบบกันชนท้ายใหม่ (ไม่ต้องเอาสติกเกอร์มาแปะเองแล้ว) ส่วนรูปลักษณ์ด้านหน้าเขามีภาษาการออกแบบที่เรียกว่า Advanced Dynamic Shield ทำให้รถดูไปในทิศทางเดียวกันทั้ง ปาเจโร สปอร์ต ,ไทรทัน และเอ็กซ์แพนเดอร์

แสดงให้เห็นว่ามิตซูบิชิมั่นใจในการออกแบบและตัวโปรดักต์มากๆ เพราะที่ผ่านมาเรามักจะเห็น “พีพีวี” หลายยี่ห้อ ต้องทำรูปลักษณ์ให้ฉีกหนีจากปิกอัพ(ใช้พื้นฐานการผลิตร่วมกัน) เพื่อความหรูหรา โดดเด่น ดูมีราคา ทำให้ขายแพงได้ แต่สำหรับมิตซูบิชิ ยึดแนวทางการออกแบบนี้แล้วขีดเส้นเอาไว้เลย

ภายใต้โครงสร้างเดิม แต่การออกแบบรวมๆผมว่าสวยครับ รถดูทันสมัย ไฟ LED แต่ละดวงแยกกรอบแบ่งหน้าที่การทำงานชัดเจน ทั้ง ไฟใหญ่ ไฟขับขี่กลางวัน ไฟเลี้ยว และไฟตัดหมอก บึกบึนด้วยล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วลายใหม่ (ขนาดเท่ากันทุกรุ่นย่อย) ประกบยาง 256/60R18

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ปรับใหญ่ใส่ของเล่นเพียบ

ผมลองขับตัวท็อป GT Premium 4WD ราคา 1.599 ล้านบาท ซึ่งดูราคาดีๆถึงกับต้องขยี้ตา เพราะถ้านับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 4 ปีก่อน ราคาขยับขึ้นมา 2 แสนบาทเลยทีเดียว (แต่ระหว่างทาง 4 ปี มิตซูบิชิเพิ่มออพชันและปรับราคาขึ้นมาบ้าง)

ทว่าราคานี้เมื่อเทียบกับออพชันที่ได้รับ ผมว่าเยอะมากหรือขยับขึ้นไปใกล้เคียง “ฟอร์ด เอเวอเรสต์” ตัวท็อปแล้ว (แต่ราคาถูกกว่า)

ของเล่นใหม่ที่โดดเด่นสะดุดตา ไล่ตั้งแต่ ประตูท้ายควบคุมการเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี จอแสดงข้อมูลการขับขี่หลังพวงมาลัย LCD ขนาด 8 นิ้วสามารถปรับรูปแบบหน้าจอได้ 3 แบบ รอง รับเมนูภาษาไทย พร้อมการเชื่อมต่อและแสดงข้อมูลจากหน้าจอระบบสัมผัส SDA (Smartphone-link Display Audio) รองรับสมาร์ทโฟนและแอปเปิลคาร์เพลย์

ผู้โดยสารตอนหลัง มีจอภาพขนาด 12.1 นิ้วฝังบนเพดานรถ รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB และสมาร์ทโฟนผ่าน HDMI

ขณะที่คอนโซลกลางออกแบบใหม่ เพิ่มที่เก็บของบริเวณหน้าคันเกียร์ และช่องวางของที่ด้านล่าง พร้อมติดตั้งช่องจ่ายไฟ (พอร์ต USB) 2 ช่อง สำหรับคนขับ-ผู้โดยสารด้านหน้า ซึ่งเปลี่ยนตำแหน่งมาให้ใช้งานสะดวกและไม่ต้องแย่งกัน ส่วนผู้โดยสารด้านหลังยังมีพอร์ต USB ให้อีก 2 ช่อง ไม่รวมปลั๊กตัวเมียแบบ AC 220 โวลต์ ที่อยู่ใกล้ๆกัน

นอกจากนี้ ยังเพิ่มระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อรถจอดอยู่กับที่ (เป็นเบรกมือไฟฟ้าตั้งแต่รุ่นแรก) และระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด เหล่านี้เป็นฟังก์ชันที่เพิ่มใหม่

เมื่อรวมกับของเดิมอย่าง ดิสก์เบรก 4 ล้อ และความปลอดภัยระบบไฟฟ้าทั้งเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว และระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวพร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ปรับใหญ่ใส่ของเล่นเพียบ

ถือว่าครบจบในคันเดียว ซึ่งออพชันเหล่านี้ถูกจัดให้อยู่ใน 2 รุ่นย่อย GT Premium แบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ

ถ้าถามว่าขาดอะไรไป ก็แค่ระบบช่วยจอดอัตโนมัติละครับ ส่วนหนึ่งเพราะมิตซูบิชิยังใช้ระบบพวงมาลัยแบบผ่อนแรงด้วยไฮดรอลิก ต่างจากฟอร์ด เอเวอเรสต์ ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งรองรับการควบคุมพวงมาลัยแบบอัตโนมัติได้

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ปรับใหญ่ใส่ของเล่นเพียบ

สำหรับพวงมาลัยไฟฟ้าของฟอร์ด เอเวอเรสต์ นอกจากจะรองรับ ระบบช่วยจอดอัตโนมัติแล้วยังช่วยผ่อนแรงในการขับขี่ความเร็วตํ่าหรือควบคุมได้สบายกรณีวนหาที่จอด เรื่องความโดดเด่นตรงนี้ต้องยกให้เขา

อย่างไรก็ตาม สัมผัสพวงมาลัยของปาเจโร สปอร์ต ผมว่าให้การตอบสนองเป็นธรรมชาติมากกว่า ซึ่งวิศวกรเซตนํ้าหนักและการสั่งงานได้เนียนมากๆ

ส่วนช่วงล่างไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไร โดยเน้นความนุ่มนวลนั่งสบาย พร้อมพลังจากเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร เทอร์โบ 181 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตัน-เมตร ที่ได้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดมาช่วยส่งกำลังก็ไหลลื่น ช่วงออกตัวไม่ถึงกับอืดมาก อัตราเร่งย่านความเร็วกลางๆ ยังบริหารจัดการเรี่ยวแรงได้ดี

ด้านอัตราบริโภคนํ้ามัน ผมลองวัดจากช่วงรถติดในกรุงเทพฯ ขับมาถึงเขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ส่วนใหญ่ใช้ความเร็งสูง เห็นตัวเลขหน้าจอดิจิตอลแสดงไว้ 7.8 ลิตร/100 กม. หรือ 12.82 กม./ลิตร

รวบรัดตัดความ...ช่วงเปิดตัวเมื่อ 4 ปีก่อนผมยกให้ “ปาเจโร สปอร์ต” เป็นที่สุดแห่งความคุ้มค่าของพีพีวี ด้วยราคาตัวท็อป 1.399 ล้านบาท สมัยนั้นได้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อขั้นเทพ Super Select 4WD-II (เวอร์ชัน2) ก็คุ้มแล้ว พร้อมจัดเต็มออพชันจนคู่แข่งญี่ปุ่นด้วยกันยังเคือง ด้านตัวรถรวมๆมีดีในสไตล์ขับขี่สบาย และเก็บเสียงรบกวนภายในห้องโดย สารยอดเยี่ยม ขณะที่รุ่นใหม่ไมเนอร์เชนจ์ ราคาขยับขึ้นจากโมเดลปี 2018 ไป 6 หมื่นบาท แต่ถ้าดูความพรีเมียม พร้อมของเล่นใหม่ๆในราคาไม่ถึง 1.6 ล้านบาท ยังถือว่าน่าใช้ครับ

คอลัมน์เทสต์ไดร์ฟ

โดย : กรกิต กสิคุณ