ตลาดรถยนต์เมียนมา เปิดกว้างรับทุนไทย

06 พ.ค. 2559 | 08:00 น.
ฝ่ายวิจัยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยหรือเอ็กซิม แบงก์ รายงานว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ในเมียนมาเริ่มมีแนวโน้มสดใส หลังรัฐบาลเมียนมามีนโยบายผ่อนคลายการนำเข้ารถยนต์เมื่อปี 2555 จากเดิมที่มีการจำกัดการนำเข้ารถยนต์เพื่อควบคุมปริมาณรถยนต์ส่งผลทำให้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมายอดจำหน่ายรถยนต์ในเมียนมาเติบโตแบบก้าวกระโดด

ทั้งนี้บริษัท Frost & Sullivan บริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจ คาดการณ์ว่า ในระหว่างปี 2555-2562 อุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวมในเมียนมาจะขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 7.8 ต่อปี ขณะที่ปัจจุบันรัฐบาลเมียนมาอยู่ระหว่างการร่างกฎหมายยานยนต์ฉบับใหม่เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนมากขึ้น จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วน รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ ศูนย์บริการบำรุงรักษารถยนต์ และตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ เข้าไปขยายตลาดในเมียนมา

ฝ่ายวิจัยเอ็กซิม แบงก์ ยังได้ฉายภาพรวมตลาดรถยนต์ในเมียนมาหลังการยกเลิกมาตรการจำกัดการนำเข้า ทำให้จำนวนรถยนต์ที่จดทะเบียนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากจำนวน 267,561 คันในปี 2555 เป็น 313,582 คันในปี 2556 และ 389,441 คัน ในปี 2557 หรือขยายตัวเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 20 เทียบกับที่ขยายตัวเฉลี่ยที่ร้อยละ 5 ในช่วงปี 2552-2555

ขณะที่สภาพตลาดรถยนต์ในเมียนมานั้น มากกว่าร้อยละ 90 เป็นรถยนต์นำเข้า ส่วนที่เหลือเป็นรถยนต์ที่ผลิตในเมียนมา รถยนต์นำเข้าส่วนใหญ่เป็นรถยนต์จากญี่ปุ่นโดยเฉพาะรถยนต์มือ 2 เนื่องจากชาวเมียนมาเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐานของรถยนต์ญี่ปุ่น ประกอบกับมีระดับราคาที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ โดยยอดจำหน่ายรถยนต์นำเข้าในเมียนมาปี 2557 เป็นรถยนต์ญี่ปุ่นถึงร้อยละ 87 ของยอดจำหน่ายรถยนต์นำเข้าทั้งหมด รองลงมา ได้แก่ เกาหลีใต้ (ร้อยละ 10) สหภาพยุโรป สหรัฐฯ และจีน (ร้อยละ 3)

ส่วนช่องทางการจำหน่ายรถยนต์นำเข้าในเมียนมาแบ่งเป็น 4 ช่องทาง โดยช่องทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ การจำหน่ายผ่านนายหน้า มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 55 ของยอดจำหน่ายรถยนต์นำเข้าทั้งหมด เนื่องจากสะดวก รวดเร็ว ได้ราคาดี และผู้ซื้อไม่ต้องผ่านขั้นตอนการนำเข้าเองให้ยุ่งยาก อีกทั้งการซื้อรถยนต์ผ่านนายหน้ายังได้ราคาที่ต่ำกว่าการซื้อผ่านเต็นท์รถซึ่งมีการบวกกำไร

ขณะที่การนำเข้าด้วยตัวเองโดยตรง เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น หลังจากรัฐบาลเมียนมาอนุญาตให้ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปสามารถนำเข้ารถยนต์ใหม่มาใช้ได้โดยตรง แต่การนำเข้าเองยังมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและใช้เวลาดำเนินการอย่างน้อย 2 เดือน

ส่วนการจำหน่ายผ่านตัวแทนอย่างเป็นทางการยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก เนื่องจากตัวแทนจำหน่ายเน้นขายรถยนต์ใหม่เป็นหลัก ขณะที่ชาวเมียนมาส่วนใหญ่ยังนิยมใช้รถยนต์มือ 2 แต่เป็นที่คาดกันว่า ในอนาคตตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการจะได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากชาวเมียนมามีแนวโน้มหันมาซื้อรถยนต์ใหม่มากขึ้นตามนโยบายการทดแทนรถยนต์เก่า (Old Car Replacement Plan) ของรัฐบาล

สำหรับโอกาสทางธุรกิจของอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนในเมียนมา ฝ่ายวิจัยเอ็กซิม มองว่าแม้จำนวนยานพาหนะที่จดทะเบียนในเมียนมาจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่อัตราการเข้าถึงรถยนต์ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในภูมิภาค โดยในปี 2555 จำนวนรถยนต์ต่อจำนวนประชากร (Vehicles per Capita) ของเมียนมาอยู่ที่ 18 คันต่อประชากร 1,000 คน (เทียบกับไทยที่ 370 คันต่อประชากร 1,000 คน) สะท้อนตลาดรถยนต์ในเมียนมายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกหลายรายเล็งเห็นถึงโอกาสดังกล่าว จึงเข้าไปตั้งโรงงานประกอบและตัวแทนจำหน่ายในเมียนมาแล้ว อาทิ Toyota, Nissan,Suzuki, Mitsubishi, TATA, Ford, GM, KIA, Mercedes Benz และ BMW เป็นต้น

อย่างไรก็ตามตลาดรถยนต์ในเมียนมายังถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพทั้งด้านการค้าและการลงทุน จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการเข้าไปเจาะตลาดเพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่าย ตลอดจนสร้างโอกาสทางธุรกิจในเมียนมาในระยะถัดไป นอกจากนี้เมียนมายังมีความได้เปรียบในด้านทำเลที่ตั้งของประเทศที่เชื่อมโยงกับประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่าง จีนและอินเดีย ซึ่งผู้ประกอบการไทยสามารถใช้เป็นฐานกระจายสินค้าไปประเทศเหล่านี้ได้ แต่ยังไงก็ควรติดตามความเคลื่อนไหวของกฎหมายยานยนต์ฉบับใหม่ของเมียนมาที่จะประกาศใช้ในอนาคตเพื่อปรับกลยุทธ์ในการรุกตลาดเมียนมาได้อย่างทันท่วงที

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,154 วันที่ 5 - 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559