NWRเล็งติดท็อปไฟว์ภายใน 5 ปี ตั้งเป้าลุยทั้งงานภาครัฐ-เอกชน

08 มิ.ย. 2559 | 02:00 น.
"เนาวรัตน์พัฒนาการ" ตั้งเป้าไต่ระดับติดท็อปไฟว์ยักษ์รับเหมาไทย เน้นเจาะตลาดงานคู่แข่งน้อยรายแต่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเป็นกรณีเฉพาะ รับได้ทั้งงานภาครัฐและภาคเอกชน ขณะธุรกิจอสังหาฯยังเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง ปรับสัดส่วนรายได้ก่อสร้างเหลือ 90% ไปเพิ่มในส่วนธุรกิจอสังหาฯและบริการ

[caption id="attachment_59934" align="aligncenter" width="382"] พลพัฒ กรรณสูต  กรรมการผู้จัดการ  บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) (NWR) พลพัฒ กรรณสูต
กรรมการผู้จัดการ
บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) (NWR)[/caption]

นายพลพัฒ กรรณสูต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) (NWR) บริษัทก่อสร้างชั้นนำอันดับ 8 เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในปี 2559 นี้เน้นงานก่อสร้างที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเป็นการเฉพาะ ทั้งโครงการของภาครัฐและภาคเอกชน ในสัดส่วนงานภาครัฐ 60% และของเอกชนอีก 40% โดยตั้งเป้ายอดรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% จากปี 2558 ที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้รวมจากงานก่อสร้างกว่า 7.6 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 94% ของรายได้รวมทั้งบริษัท ส่วนที่เหลือมาจากการขายอสังหาริมทรัพย์และบริการ

"แม้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างแข่งขันรุนแรงเนื่องจากอยู่ในช่วงขาขึ้นตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล แต่บริษัทเชื่อมั่นว่ายังสามารถเติบโตเพิ่มขึ้น หากขยายโรงงานพรีแฟบไปที่บ้านบึง โดยขณะนี้เรามีปริมาณงานในมือแล้วกว่า 3 หมื่นล้านบาท คาดว่าปลายปีนี้จะขยับไปสู่ระดับ 4 หมื่นล้านบาท ทำให้บริษัทตั้งเป้าจะขยับเป็น 1 ใน 5 บริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ของไทยให้ได้ภายใน 5 ปี"

ทั้งนี้ได้จัดเตรียมงบลงทุนปี 2559 ไว้เป็นค่าจัดซื้อเครื่องจักรราว 100-200 ล้านบาท และงบลงทุนในต่างประเทศ อาทิ เมียนมา ลาว และกัมพูชา โดยเฉพาะเมียนมาที่เริ่มมีการลงทุนหลายโครงการจึงจัดเตรียมงบรองรับไว้ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท

ปัจจุบันโรงงานมีกำลังการผลิตประมาณ 5,000 คิวต่อเดือนของทั้ง 4 โรงคือ บางน้ำเปรี้ยว บ้านบึง สมุทรสาคร และบางนากม. 4.7 ซึ่งบางผลิตภัณฑ์จะเต็มศักยภาพการผลิตแล้วโดยโรงงานแห่งใหม่ที่บ้านบึงผลิตได้สูงถึง 1 หมื่นคิวอีกทั้งยังมีแผนปิดโรงงานย่านบางนากม.4.7 ในเร็วๆนี้ที่ปัจจุบันผลิตได้เพียง 2,000 คิว เพื่อจะนำที่ดินไปพัฒนาเนื่องจากปัจจุบันโรงงานดังกล่าวรายล้อมไปด้วยชุมชนโดยมีพื้นที่ 20 ไร่ อาจจะสร้างเป็นออฟฟิศของบริษัทซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้

นอกจากนั้นยังคาดหวังว่าจะได้รับงานที่มีมูลค่ารวมอีกกว่า 4 หมื่นล้านบาท อีกประมาณ 10% อาทิ โครงการมอเตอร์เวย์ สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 โรงไฟฟ้าที่กระบี่ ประการสำคัญยังอยู่ระหว่างการรอเซ็นสัญญามูลค่า 750 ล้านบาท ในการก่อสร้างอาคารกรมเจ้าท่าแห่งใหม่ย่านสี่พระยา ในเร็วๆนี้

นายปสันน์ สวัสดิ์บุรี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายธุรกิจใหม่และวางแผนกลยุทธ์ กล่าวเสริมว่าขณะนี้เร่งดำเนินงานโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ได้ลงทุนปี 2558 ต่อเนื่องมาถึงปี 2559 ให้จบสิ้นก่อนลงทุนโครงการใหม่ๆ มีโครงการเอสเทนคอนโดมิเนียม 4 เฟส โดยเฟสแรกมูลค่า 780 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการบารานีเรสซิเดนท์รังสิตคลอง 3 มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท อีกทั้งเตรียมซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ 2 แห่ง มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาทโดยกลุ่มมานะพัฒนาการรับดำเนินการ

"ช่วงที่ผ่านมางานก่อสร้างสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทราว 94% ในอนาคตจะลดลงเหลือประมาณ 90% ภายใน 2-3 ปีนี้และเพิ่มรายได้จากส่วนธุรกิจอื่นเข้ามาเสริม อาทิ อสังหาริมทรัพย์ "

สำหรับการรุกธุรกิจในต่างประเทศปัจจุบันได้รับดำเนินโครงการที่อยู่อาศัยในในเมียนมาไม่เกิน 1 พันยูนิตโดยใช้โนว์ฮาวไทยไปทำในเมียนมา ลงทุนอัตราส่วน 70:30 แต่ในประเทศไทยแล้วยังเน้นงานราชการเป็นหลัก ล่าสุดได้ระดมทุนออกหุ้นกู้ไปแล้วจำนวน 2 รอบ มูลค่าล่าสุด 1.5 พันล้านบาทโดยช่วงก่อนนี้อีกราว 1.5 พันล้านรวมเป็น 3 พันล้านบาท

Photo : Pixabay
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,163 วันที่ 5 - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559