รัฐบาลไต้หวันเตรียมเสนอมาตรการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจ หลังประธานาธิบดี ไช่ อิง เหวิน กล่าวว่าการพึ่งพาเพียงนโยบายการเงินและการคลังไม่เพียงพอแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
บลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างรายงานข่าวจากสื่อท้องถิ่นของไต้หวันว่า นายหลิน ชวน นายกรัฐมนตรีของไต้หวัน อาจจะประมาณมาตรการทางด้านเศรษฐกิจก่อนวันที่ 12 สิงหาคมที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตาม นายตั้ง เฉิน หยวน โฆษกรัฐบาลไต้หวัน ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวก่อนการประกาศอย่างเป็นทางการ
ด้วยความต้องการสินค้าส่งออกของประเทศที่ลดลงมาแล้วร่วม 18 เดือน ไต้หวันกำลังมองหาช่องทางในการขยายความสัมพันธ์ทางการค้า และกระตุ้นการลงทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน โดยเศรษฐกิจของไต้หวันกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในอัตรา 0.69% ในไตรมาส 2 ของปีนี้ หลังจากหดตัวมาเป็นเวลานานนับตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลก
นางไช่ อิง เหวิน ประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวันที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กล่าวว่า รัฐบาลของตนจะพยายามดึงเม็ดเงินที่ภาคเอกชนเก็บออมเอาไว้ในระดับสูงออกมาใช้ในการลงทุน เมื่อไม่นานมานี้ สภาพัฒนาแห่งชาติของไต้หวันได้จัดตั้งกองทุนมูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวัน เพื่อลงทุนในธุรกิจที่มองหาเทคโนโลยีใหม่และบริษัทนวัตกรรมใหม่
นอกจากนี้ สถานีโทรทัศน์ทีวีบีเอสของไต้หวันรายงานด้วยว่า หลินยังมีแผนที่จะจัดสรรงบประมาณราว 2 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวันเพื่อใช้ในโครงการโครงสร้างพื้นฐานในปีหน้า โดยรัฐบาลไต้หวันกล่าวว่าเตรียมยื่นเสนอร่างงบประมาณประจำปี 2560 ต่อรัฐสภาภายในสิ้นเดือนสิงหาคม
ก่อนหน้านี้ นายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว อาทิ โครงการก่อสร้างรถไฟพลังแม่เหล็กความเร็วสูงเชื่อมระหว่างโตเกียวและโอซากา ซึ่งไต้หวันเองก็มีความพยายามกระตุ้นการท่องเที่ยว ด้วยการยกเลิกวีซ่าให้กับประเทศไทยและบรูไนในปีนี้ ตามแผนของนางไช่ที่ต้องการยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้ากับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวันยังวางแผนที่จะเปลี่ยนไต้หวันให้เป็นซิลิคอนวัลเลย์แห่งเอเชีย ด้วยการปรับเปลี่ยนกฎหมายเกี่ยวกับธุรกิจ การลงทุน และคนต่างด้าว เพื่อดึงดูดบริษัทสตาร์ตอัพและนักธุรกิจต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในไต้หวัน
แองเจลา เชีย นักเศรษฐศาสตร์จากบาร์เคลย์ส ให้ความเห็นว่า เศรษฐกิจไต้หวันจำเป็นต้องมีการขยายมาตรการทางการคลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัว "นอกเหนือจากมูลค่าการใช้จ่ายของรัฐบาลแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดูด้วยว่าเงินถูกนำไปใช้จ่ายอย่างไร"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,181 วันที่ 7 - 10 สิงหาคม พ.ศ. 2559