STECตั้งเป้าโกย 1.8 หมื่นล้านลุ้นประมูลรถไฟฟ้า 3 สาย-รถไฟทางคู่ 4 เส้นปลายปีนี้

26 ส.ค. 2559 | 07:00 น.
ซิโน-ไทย เร่งเป้ารายได้ปี 59 กวาด 1.8 หมื่นล้านจาก แบ็คลอค 5 หมื่นล้านบาท รอรับรู้รายได้ถึงปี 62 ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 2 คาดโตใกล้เคียงไตรมาสแรก ลุ้นประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม- เหลือง -ชมพู และทางคู่ปลายปีนี้ หวังได้สัดส่วนงาน 20-25% จากมูลค่าทั้งหมด จับตาคว้าชัยสายสีเหลืองด้านต้นทุนที่ต่ำกว่า

[caption id="attachment_89644" align="aligncenter" width="335"] ภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) ภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน)[/caption]

นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STEC เปิดเผยว่า ในปี 2559 ตั้งเป้ารายได้ 1.8 หมื่นล้านบาทใกล้เคียงกับปี 2558 ที่กวาดรายได้ 18,927 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2/2559 คาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงกับไตรมาส 1/2559 ที่มีรายได้ 4,514 ล้านบาท โดยเป็นการรับรู้รายได้จากยอดที่รอรับรู้รายได้(Backlog) ที่มีอยู่แล้วประมาณ 5 หมื่นล้านบาทซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ไปถึงปี 2562 โดยแบ่งเป็นสัดส่วนงานโครงการภาครัฐ 55% และงานของเอกชนประมาณ 45%

สำหรับงานที่รอรับรู้รายได้จัดเป็นรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย เหลือมูลค่าที่รอรับรู้รายได้ประมาณ 8,000 ล้านบาท (จากมูลค่าโครงการ 9,825 ล้านบาท) คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้อีก 1,500-2,000 ล้านบาท งานก่อสร้างท่าอากาศยานภูเก็ตรับรู้รายได้ไปแล้ว 4,400 ล้านบาท (จากมูลค่า 5,000 ล้านบาท)คง เหลือ 600 ล้านบาทที่รอรับรู้รายได้ ส่วนงานก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เหลือรอรับรู้รายได้อีก 8,000 ล้านบาท(จากมูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านบาท) โดยปัจจุบันรับรู้รายได้ปีละ 1,300 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ไปถึงปี 2562 ปัจจุบันมีความคืบหน้า 22% คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีความคืบหน้า 30%

อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลัง 2559 ได้ยื่นประมูลงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตะวันออก(ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) มูลค่ากว่า 1.07 แสนล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู(แคราย-มีนบุรี) มูลค่ากว่า 5.3 หมื่นล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(ลาดพร้าว-สำโรง) มูลค่ากว่า 5.1 หมื่นล้านบาท พร้อมกับเตรียมยื่นประมูลรถไฟทางคู่อีก 4 เส้นทางที่คาดว่าจะเปิดประมูลในปีนี้ คือ รถไฟทางคู่ เส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร วงเงินลงทุนกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท เส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ วงเงินลงทุนกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท เส้นทางนครปฐม-หัวหิน วงเงินลงทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาท และเส้นทางมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ วงเงินลงทุนกว่า 2.9 หมื่นล้านบาท โดยตั้งเป้าว่าจะได้งานในสัดส่วน 20-25% ของมูลค่าทั้งหมด

ขณะที่โครงการมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา 40 สัญญา กรอบวงเงิน 7.6 หมื่นล้านบาท และโครงการมอเตอร์เวย์ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี 25 สัญญา กรอบวงเงิน 4.9 หมื่นล้านบาทคาดหวังว่าจะได้รับงานอย่างน้อย 3-4 สัญญา ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างไทย-จีน กับไทย-ญี่ปุ่นก็ต้องรอดูความชัดเจนเรื่องการลงทุนก่อนแต่ก็พร้อมที่จะเข้าร่วมประมูล

"นอกจากนี้แล้วยังมองโอกาสประมูลงานรถไฟฟ้าไฮสปีดเทรน เส้นทาง กทม.-พัทยา-ระยอง และกทม.-หัวหิน อย่างไรก็ดีคงต้องรอดูแหล่งเงินทุนและเงื่อนไขการประกวดราคา โดยงานที่เข้าร่วมประมูลปีนี้และปีหน้านั้นบริษัทมีความสามารถในการลงทุน ปัจจุบันมีเงินสดอยู่ในมือประมาณ 3,000 ล้านบาท(ไม่รวมรายได้ที่จะได้รับเข้ามาในปีนี้) ขณะที่งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย เหลือสถานีท่าพระ ที่จะส่งมอบกลางปี 2560 ก่อนที่รฟม.จะเร่งวางระบบรางกันต่อไป"

ปัจจุบันบริษัทซิโน-ไทยฯมีโครงการสำคัญๆที่อยู่ระหว่างดำเนินการบางส่วนดังนี้คือ 1.โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท 2.รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สัญญา 4 ช่วงท่าพระ-หลักสอง 1.2 หมื่นล้านบาท 3.ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตก 8,000 ล้านบาท 4.รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วง หมอชิต -สะพานใหม่- คูคต สัญญา 3(ศูนย์ซ่อมบำรุงและพื้นที่จอดรถไฟฟ้า) 4,019 ล้านบาท สัญญา 4 (ระบบราง) 2,841 ล้านบาท 5.อาคารสำนักงบประมาณแห่งใหม่ 1,500 ล้านบาท 6.อาคารศาลฎีกาแห่งใหม่ 2,300 ล้านบาท

ทั้งนี้จากการลงสำรวจพื้นที่ของผู้สื่อข่าวตลอดแนวสายสีเหลืองจะพบว่าหากซิโน-ไทยนำที่ดินกว่า 10 ไร่ที่ใช้เป็นศูนย์เทรนนิ่งเซ็นเตอร์ย่านถนนศรีนครินทร์ซึ่งปัจจุบันย้ายศูนย์ดังกล่าวไปไว้อื่นแล้วนั้นอาจจะส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินโครงการลดลงเหนือแก่คู่แข่งรายอื่นๆ จึงมีโอกาสคว้าชัยรถไฟฟ้าสายสีเหลืองได้ขณะนี้นายภาคภูมิอยู่ระหว่างการพิจารณา

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,186 วันที่ 25 - 27 สิงหาคม พ.ศ. 2559