แกรนด์ แอสเสทฯ เปิดแผน 5 ปี ลุยพัฒนาโรงแรมควบคู่อสังหาฯเตรียมนำร่องที่ระยอง

28 ส.ค. 2559 | 08:00 น.
แกรนด์ แอสเสทเปิดแผนยุทธศาสตร์ รุกพัฒนาโรงแรมและอสังหาฯเพื่อเสริมมูลค่า นำร่องโครงการที่ระยอง เผยภายใน5 ปีจะขยายโรงแรมให้ได้ 8 แห่ง วางเป้าทุกโครงการจะนำเข้ากองรีท ขณะธุรกิจอสังหาฯเน้นลงทุนคอนโดฯในใจกลางเมือง ปลื้มไฮด์ สุขุมวิท 11 ยอดขายกว่า 50% ส่วนใหญ่ลูกค้าต่างชาติ เร่งระบายห้องเพนต์เฮาส์ ในโครงการไฮด์ สุขุมวิท 13

[caption id="attachment_90414" align="aligncenter" width="335"] ไพสิฐ แก่นจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ไพสิฐ แก่นจันทน์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)[/caption]

นายไพสิฐ แก่นจันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ภายหลังควบรวมกับบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด(มหาชน) ทิศทางการดำเนินงานแกรนด์ แอสเสท ค่อนข้างชัดเจน โดยจะมุ่งทั้งอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า คือธุรกิจโรงแรม และอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ซึ่งเน้นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในใจกลางเมือง ทั้งนี้ จะขึ้นโครงการอสังหาฯติดกับโครงการโรงแรม เพื่อต่อยอดกับธุรกิจโรงแรมและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจอสังหาฯ

"การรวมกับพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้กับแกรนด์ แอสเสท เพราะมีพันธมิตรที่เชี่ยวชาญด้านอสังหาฯเข้ามาให้คำปรึกษา โดยโครงการใหญ่โครงการแรกที่พัฒนาคือ โครงการที่ระยอง มีทั้งโรงแรม วิลล่า และคอนโดมิเนียม ซึ่งวิลล่าสามารถนำมาปล่อยเช่า ทำให้คนซื้อมีรายได้ส่วนหนึ่ง การมีโรงแรมคู่กับอสังหาฯนี้ทำให้บริษัทได้บริหารที่ดินแปลงสวย เพื่อสร้างรายได้ในระยะยาว"

ปัจจุบัน บริษัทเป็นเจ้าของโรงแรม 3 แห่ง อยู่ในกรุงเทพฯ 1 แห่ง และที่หัวหิน 2 แห่ง นอกจากนี้อยู่ระหว่างก่อสร้าง 1 แห่ง ส่วนอสังหาฯมีโครงการไฮด์ สุขุมวิท 13 โครงการคอนโดมิเนียมไฮเอนด์ของบริษัท ซึ่งสร้างเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์เกือบหมด ยังเหลือห้องเพนต์เฮาส์รวม 12 ห้อง กับโครงการไฮด์ สุขุมวิท 11 ขณะนี้ยอดจองมากกว่า 50% ฉะนั้น ในแง่สินทรัพย์กลุ่มโรงแรมจะมากกว่าอสังหาฯ สัดส่วน 60-70%และ 30% ตามลำดับ แต่ธุรกิจอสังหาฯสร้างกำไรที่ดีให้กับบริษัท

ดังนั้น แผน 5 ปีของแกรนด์ แอสเสท จะสร้างรายได้จากธุรกิจโรงแรมเป็นหลัก โดยตั้งเป้าจะขยายเพิ่มเป็น 7 โรงแรม พร้อมกันนี้วางแผนนำทุกธุรกิจจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT เพื่อจะสร้างมูลค่า และกำไรให้กับบริษัทฯ ส่วนเม็ดเงินที่ได้จากกองรีท จะนำมาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อื่นในประเทศไทย รวมทั้งออกไปต่างประเทศ หากได้ข้อเสนอที่ดี โดยล่าสุดมีผู้นำเสนออสังหาฯในลอนดอน แต่ยังไม่ตัดสินใจ

นายไพสิฐกล่าวถึงห้องเพนต์เฮาส์ในโครงการไฮด์ สุขุมวิท 13 ว่า เป็นไฮเอนด์เพนต์เฮาส์แต่ราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ มี 2 ห้อง พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว ขนาด 491.7 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นที่ 135 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 2.5 แสนบาทต่อตร.ม. อยู่บนชั้น 38-39 ของอาคาร นอกจากนี้ยังมีห้องดีลักซ์ เพนต์เฮาส์ ซึ่งมีห้องเปล่าราคาเริ่มต้นที่ 38 ล้านบาท และห้องที่ตกแต่งพร้อมเข้าอยู่ราคาระหว่าง 50-60 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ไม่จัดโปรโมชันลดราคาเพื่อเร่งระบายสต๊อก

คาดการณ์รายได้ปี2559 โดยหลักๆจะมาจากโรงแรม ซึ่งปีนี้ยอดการเข้าพักใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ฉะนั้นคาดว่ารายได้จะเติบโตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% ส่วนธุรกิจอสังหาฯ นอกจากโครงการไฮด์ แล้วยังมีคอนโดมิเนียมบลูลากูน หัวหิน ซึ่งพัฒนาขึ้นก่อนจะควบรวมกับพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ปัจจุบันเหลือขาย 6 หน่วย ขนาดห้อง 150 ตร.ม. ขายในราคาตร.ม.ละ 5 หมื่นบาท อยู่ติดโรงแรมเชอราตัน หัวหิน หากสามารถขายบลูลากูน และไฮด์ สุขุมวิท 13 ได้หมดก็จะรับรู้รายได้เลย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,187 วันที่ 28 - 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559