อิตัลไทย ขยับแผนธุรกิจ รับมือเศรษฐกิจถดถอย

จากพิษเศรษฐกิจเรื้อรัง ส่งผลกระทบอย่างจังกับธุรกิจในเครือของกลุ่มบริษัทอิตัลไทย ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมหนัก อุตสาหกรรมก่อสร้าง และอุตสาหกรรมโรงแรม หัวเรือใหญ่ "ยุทธชัย จรณะจิตต์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อิตัลไทย จำกัด จึงปรับแผน วางยุทธศาสตร์รบแบบยกแผง เพื่อขับเคลื่อนองค์กร

"ยุทธชัย" กล่าวว่า ธุรกิจในกลุ่มอิตัลไทย เป็นธุรกิจที่อ่อนไหวมากกับการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยรอบด้านทั้งในประเทศและต่างประเทศ การเมืองเปลี่ยน รัฐบาลเปลี่ยน จะส่งผลก่อสร้างชะงัก ท่องเที่ยวซบเซาทันที สิ่งที่ต้องเผชิญในปีนี้และปีหน้า จะเป็นเรื่องภาวะถอดถอยของโลก (global recession) ผลกระทบเหล่านั้น มันทำให้กำลังซื้อของลูกค้าในตลาดส่งออกลดน้อยลง เพราะบาทก็แข็ง ส่งออกดี ลูกค้าท่องเที่ยวจะเข้ามาเมืองไทยก็จ่ายแพงขึ้น

ตอนนี้สิ่งที่ทำคือ โรงงานต้องลดคน มีการทำเวิร์คกิ้งเดย์ บริหารจัดการในต้นทุนที่มีอยู่ ขณะเดียวกัน ต้องหาเงินในอนาคตเข้ามา ขณะนี้มีการเปลี่ยนโมเดลธุรกิจใน 2-3 บริษัท อย่างเรื่องของ ITI หรือ อิตัลไทย อุตสาหกรรม ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหนัก เป็นคอนสตรัคชั่นอีควิปเม้นท์ ซึ่งตอนนี้เขาต้องเข้ามาดูโอปอเรชั่นเอง กำลังพยายามผันตัวเอง จากการเป็นดีลเลอร์หรือดิสทริบิวเตอร์ ให้กลายมาเป็นจอยซ์เวนเจอร์ พาร์เทนอร์ เช่น การจับมือทำข้อตกลงการร่วมทุน (jv agreement) กับ ทาดาโน่ ญี่ปุ่น ที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ ทำให้การทำธุรกิจขายรถเครนของ ทาดาโน่ อิตัลไทย ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน สามารถให้บริการหลังการขายที่ดีให้กับลูกค้า ส่วนอิตัลไทยเอง ก็สามารถลดต้นทุนการทำธุรกิจลงได้บางส่วน และยังสามารถขยายตลาดได้อย่างมั่นคงขึ้นด้วย 

ส่วนธุรกิจผู้รับเหมาของบริษัท อิตัลไทย วิศวกรรม จะเดินหน้าหางานที่เป็นงานระบบเพิ่มรายได้ หลังจากนั้น จะนำกำไรไปลงทุนต่อยอดในธุรกิจที่สร้างรายได้สม่ำเสมอ (recurring income) เช่น ธุรกิจพลังงานทดแทน (renewable energy) การบำบัดน้ำเสีย (wastewater treatment)  โรงงานรีไซเคิล (recycle plant ) หรือ เครื่องยนต์ขับเคลื่อน (engine driven) เป็นการลงทุนที่ก่อกำไรและรายได้ในระยะยาว แทนที่จะเป็นแค่ผู้รับเหมา

อีกกลุ่มธุรกิจ คือ กลุ่มธุรกิจบริการและไลฟ์สไตล์ ซึ่งดำเนินการผ่านออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป บริษัทบริหารจัดการแบรนด์โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ และสปาชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปัจจุบันออนิกซ์ฯ มีเครือข่ายที่เปิดให้บริการแล้ว 50 แห่ง ประกอบด้วยห้องพักกว่า 7,000 ห้อง ใน 8 ประเทศ (รวมถึงเขตปกครองพิเศษ) ได้แก่ ไทย บังกลาเทศ กาตาร์ จีน ศรีลังกา มัลดีฟส์ สปป.ลาว และมาเลเซีย  นอกจากนี้ ยังมี บริษัท อิตัลไทยฮอสพิทาลิตี้ จำกัด และ ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ แบงค็อก คือ ศูนย์การค้าและพื้นที่จัดแสดงด้านอาร์ตแอนด์แอนทีค ริมแม่น้ำเจ้าพระยา 

อิตัลไทยจะหาพาร์ทเนอร์เพิ่มทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างเน็ตเวิร์ค และขยายธุรกิจให้เติบโต ซึ่งถือเป็นแนวทางการขยายธุรกิจที่รวดเร็วกว่าการลงทุนเองทั้งหมด เช่น ล่าสุด ร่วมกับ บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ หรือบริษัท อนัดา ดีเวลลอปเปอร์ ร่วมพัฒนาเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ จากคอนโดมิเนียมที่ทั้ง 2 บริษัทสร้างอยู่แล้ว ทำให้เกิดเป็น recurring income ของบริษัท

ช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจโรงแรม เติบโตแบบก้าวกระโดด ปัจจุบันมีอยู่เกือบ 60 โครงการใน 8 ประเทศ มีทั้งแบรนด์ที่สร้างขึ้นเองและแบรนด์ที่ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ อาทิ OZO, Amari, Oriental Residence, Shama, breeze spa แนวทางขณะนี้ คือ การเติบโตในระดับภูมิภาค เป้าหมายจะมีเพิ่มเป็นกว่า 100 โครงการ ภายใน 4-5 ปีต่อจากนี้ 

"ปีนี้ผมลงทุนเยอะมาก ลงทุนในการ สร้าง ซ่อม ขยาย รวมถึงขยายธุรกิจที่รองรับการเติบโตของโรงแรม ผมลงทุนในโรงเบเกอรี่ และโรงซักผ้า ตั้งอยู่ที่บางพลี เพื่อรองรับโรงแรมพัทยาและกรุงเทพ ฯ เพราะเรามีโรงแรมเยอะ และยังลงทุนโรงงานโลจิสติกส์ ทำเป็นอีก Profit Center ของผม รวมๆ แล้ว ลงทุนประมาณ 5 พันกว่าล้าน โรงซักผ้า 200 กว่าล้าน ซ่อมลงไป 2,500 ล้าน สร้างอีก 3,000 ล้านบาท" นายธีระยุทธกล่าว 

โรงแรมที่กำลังปรับปรุงอยู่ เช่น โอเรียลเต็ล, อมารี ประตูน้ำ, อมารี วอลเตอร์เกต และการก่อสร้างโรงแรมที่พัทยาอีกกว่า 400 ห้อง แบรนด์ OZO โดยเป้าหมายการขยายธุรกิจโรงแรมต่อจากนี้ เน้นการทำโรงแรมระดับ 3-4 ดาว และให้ความสำคัญกับการเป็นดีเวลลอปเปอร์ ที่จะเข้าไปทำหน้าที่บริหารจัดการ และพัฒนาโรงแรมให้กับผู้ถือหุ้น

ส่วนแผนปีหน้า จะชะลอการลงทุนลง แต่จะเป็นปีที่เก็บเกี่ยวรายได้ จากที่ลงทุนหนักต่อเนื่องมาแล้ว 2 ปี ขณะเดียวกันจะพัฒนาบุคลากร และองค์กร เพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจทั้งหมด