สแกน 10 หุ้น คาดได้ประโยชน์ "ไมโครซอฟท์" ลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย

02 พ.ค. 2567 | 06:43 น.

สแกน 10 หุ้น คาดได้ประโยชน์ หลัง"ไมโครซอฟท์" ประกาศลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย โบรก ฯ มองกลุ่มนิคมฯ , ธุรกิจพลังงานสะอาด และกลุ่มสื่อสาร ฯ ได้อานิสงส์ "บล.กสิกรไทย" เลือก 2 หุ้นเด่น WHA , AMATA เป็น top pick ด้าน บล.เอเซียพลัส เชียร์ WHA , AMATA ,ADVANC,TRUE, AIT ฯ ล ฯ

เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2567 ซีอีโอไมโครซอฟ คอร์ปอเรชั่น "สัตยา นาเดลลา" ประกาศลงทุน ในดาต้าเซ็นเตอร ( DATA CENTER ) แห่งแรกในประเทศไทย ในงาน Microsoft Built:AI Day ที่ศูนย์สิริกิติ์  โดยเป็นส่วนหนึ่งในแผนสนับสนุนให้ประชากร  2.5 ล้านคน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้มีโอกาสได้เรียนรู้และฝึกฝนทักษะด้านเอไอ โดยในไทยมีแผนเสริมทักษะให้คนไทย  1 แสนคน

ก่อนหน้านี้ไมโครซอฟ ได้ประกาศลงทุนในคลาวด์เอไอ ในอินโดนีเซีย 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐและมีแผนที่จะเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซีย 

 

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า มีมุมมองชิงบวกต่อทิศทางการลงทุนในไทย จากประเด็นข่าวดังกล่าว เนื่องจากเป็นการยืนยันถึงการขยายการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติจากหลายประเทศมายังประเทศไทยในธุรกิจนี้ โดยก่อนหน้านี้มีทั้ง STTGDC จากสิงคโปร์, NTT จากญี่ปุ่น, KT corporation จากเกาหลีและ Huawei จากประเทศจีน ต่างเข้ามาลงทุนในไทยในธุรกิจนี้

โดยนอกจากกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมแล้ว ธุรกิจด้านพลังงานสะอาด และการวางระบบ รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากการลงทุนนี้  สำหรับกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เรายังคงเลือก WHA และ AMATA เป็น top pick ของกลุ่ม

อย่างไรก็ดีเนื่องจากธุรกิจนี้ไม่ได้เป็นธุรกิจที่ใช้ที่ดินมากนัก โดยจากข้อมูลในไทย จะใช้ที่ดินราว 2.5-4 ไร่ต่อดาต้าเซ็นเตอร์ขนาด 10-20 MW และในต่างประเทศใช้ 3-5 ไร่ต่อ 10-20 MW ทำให้ผลบวกต่อการขายที่ดินอาจไม่มาก โดย ณ สิ้นปี 2566 ดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยมีอยู่ 147 MW กลุ่มที่ได้ประโยชน์เช่นกัน คาดว่าจะเป็นผู้ให้บริการด้านอุปกรณ์การติดตั้งระบบและผู้ให้บริการด้านไฟฟ้าสะอาด

ด้านฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส ประเมินว่า AMATA และ WHA มีศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับ DATA CENTER โดยประเมินว่า WHA มีโอกาสได้คว้างานมากกว่า AMATA เนื่องจากฐานลูกค้าของ WHA เป็นกลุ่มอุตสาหกรรม NEW ECONOMY ประกอบกับ WHA มีการพัฒนาบริษัทให้มีความเป็น TECH COMPANY

"นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอินเทอร์เน็ตและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาค รวมถึงอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ที่ครอบคลุมที่สุด โครงข่ายมือถือ โครงสร้างพื้นฐาน 5G และโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลไทยและไมโครซอฟท์ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในการนำเทคโนโลยีคลาวด์ และ AI ที่เปี่ยมประสิทธิภาพมาเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของไทย รวมถึงเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลของไทยในอนาคต " ฝ่ายวิจัยระบุ พร้อมมองว่า

หุ้นที่จะได้ประโยชน์ในอนาคต คือ หุ้นกลุ่มสื่อสารขนาดใหญ่อย่าADVANC,TRUE ที่แม้ทาง MICROSOFT จะมีการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์เอง แต่ยังจำเป็นที่จะต้องมีการเชื่อมต่อกับลูกค้าเป้าหมาย ที่จะต้องอาศัยโครงข่ายพื้นฐาน เช่น เส้นใยแก้วนำแสง ซึ่งมีโอกาสที่ MICROSOFT จะเลือกใช้บริการดังกล่าว จากกลุ่ม ADVANC หรือ TRUE หรือ NT ที่เป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ในปัจจุบัน

 ส่วนหุ้นกลุ่มสื่อสารที่มีธุรกิจเกี่ยวกับ DATA CENTER และ CLOUD SERVICE ก็คาดได้ประโยชน์เช่นกัน อาทิ AIT, ICN, INSET, ITEL, MFEC และ SKY