จับตา! ศาลนัดพิพากษา เอเซียพลัส ฟ้อง STARK ผิดนัดหุ้นกู้ 3,934 ล้านบาท 11 มิ.ย.

24 เม.ย. 2567 | 06:33 น.

"ศาลแพ่ง" นัดอ่านคำพิพากษา เอเซียพลัส ฟ้อง STARK ผิดนัดชำระหุ้นกู้ "รุ่น STARK242A" มูลหนี้กว่า 3,934 ล้านบาท วันที่ 11 มิ.ย. 67 นี้

จากการที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ วานนี้ (23 เม.ย.67) ได้มีคำตัดสินให้ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ซึ่งกระทำผิดสัญญาและผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ต้องใช้คืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยให้กับ ธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นโจทก์ ในฐานะผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ทั้ง 4 รุ่น มูลหนี้เงินต้นรวม 5,264.10 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นกู้ ชุด STARK239A ,STARK249A ,STARK245A และ STARK255A 

ทั้งนี้มูลหนี้ดังกล่าวยังไม่ได้รวมดอกเบี้ย และค่าเสียหาย เนื่องจากธนาคารกสิกรไทย ได้ยื่นฟ้องเป็น"คดีผู้บริโภค" ศาลจึงได้กำหนดค่าเสียหายเพื่อลงโทษเพิ่มอีก 1 ใน 4 หรือ 25% ของมูลค่าความเสียหายทั้งหมดของหุ้นกู้ เพราะเห็นว่าไม่ได้เป็นการผิดนัดชำระหุ้นกู้อย่างเดียว แต่จงใจเอาเปรียบทำให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย

ศาลแพ่งฯ นัดอ่านคำพิพากษา 11 มิ.ย.นี้

นอกจากหุ้นกู้ทั้ง 4 ชุด ยังมีผู้เสียหายในกลุ่มผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 2/2565 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2567 คือ รุ่น STARK242A  มูลหนี้เงินต้น 3,934.30 ล้านบาท ซึ่งมี บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส (ASP) เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ 

ความคืบหน้า วันนี้ ( 24 เม.ย.67 ) บล.เอเซียพลัส ได้ส่งหนังสือถึงผู้ถือหุ้นกู้ STARK242A ระบุว่า ตามที่บริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ยื่นฟ้อง บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK เป็นจำเลยต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เป็นคดีผู้บริโภค คดีหมายเลขดำที่ ผบ 397/2566 เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2566 เพื่อเรียกร้องให้ผู้ออกหุ้นกู้ชำระหนี้คงค้างทั้งหมด และศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้มีการนัด โจทก์และจำเลยสืบพยาน ในวันที่ 23 เมษายน 2567 นั้น

ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ขอแจ้งให้ท่านทราบว่า เมื่อวันที่ 23  เมษายน 2567 โจทย์และจำเลย นำพยานเข้าสืบฝ่ายละ 1 ปาก และศาลฯ ได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 11 มิถุนายน 2567 เวลา 9.00 น. 

ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าที่สำคัญเป็นประการใด ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จะแจ้งให้ท่านผู้ถือหุ้นกู้ทราบต่อไป

 

จับตา! ศาลนัดพิพากษา เอเซียพลัส ฟ้อง STARK ผิดนัดหุ้นกู้ 3,934 ล้านบาท 11 มิ.ย.

ด้านนายณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ประธานบริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด ในฐานะตัวแทนผู้ได้รับความเสียหายจากการลงทุนหุ้น STARK กล่าวว่า ความเสียหายกรณี STARK มีทั้งธนาคารเจ้าหนี้ราว 1 หมื่นล้านบาท เจ้าหนี้หุ้นกู้กว่า 9 พันล้านบาท แล้วยังมีผู้เสียหายหุ้นสามัญอีกราว 75,000 ล้านบาท

แบ่งเป็นนักลงทุนสถาบันที่ซื้อหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง 5,580 ล้านบาท และความเสียหายจากราคาหุ้นที่หายกลายเป็นศูนย์อีกกว่า 70,000 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยเสียหายมากกว่า 20,000 คน จากการตกแต่งบัญชี ปั่นราคาหุ้น หลอกลวงรายย่อยมาติดหุ้น กลายเป็นศูนย์ จะเยียวยาความเสียหายกันอย่างไร เพราะไม่ได้มีเฉพาะเจ้าหนี้สถาบันการเงินและเจ้าหนี้หุ้นกู้ 2 หมื่นล้านบาทเท่านั้น แต่ยังมีหุ้นสามัญอีก 75,000 ล้านบาท

" หากไม่ชดใช้ ปล่อยละลายกลายเป็นศูนย์ ก็มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนไทย ทั้งนักลงทุนไทยและต่างประเทศกลัวว่ามาลงทุนแล้วจะเจอตกแต่งบัญชี ปั่นราคาหุ้น พอเสียหายมาก็ไม่มีใครรับผิดชอบ เลยถอนการลงทุนหุ้นไทย จนปีที่ผ่านมาถึงเวลานี้ ตลาดหุ้นไทยเลยถูกขาย ผลตอบแทนตกต่ำที่สุดในโลก มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหายวูบไปมากกว่า 4 ล้านล้านบาทแล้ว ทุกฝ่ายจึงต้องมีทางออกเรื่องนี้เพื่อกอบกู้ฟื้นฟูความเชื่อมั่นคืนมา"

หุ้นกู้ STARK ทั้ง 5 ชุด มูลค่าเงินต้นคงค้างรวม 9,198.40 ล้านบาท ประกอบด้วย

  • 1.หุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2564 ชุดที่ 1 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2566 (STARK239A) มูลค่าเงินต้น 1,291.50 ล้านบาท
  • 2.หุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2564 ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2567 (STARK249A) มูลค่าเงินต้น 949.50 ล้านบาท
  • 3.หุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2565 ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2567 (STARK245A) มูลค่าเงินต้น 1,701.10 ล้านบาท
  • 4.หุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2565 ชุดที่ 3 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 (STARK255A) มูลค่าเงินต้น 1,322.00 ล้านบาท
  • 5.หุ้นกู้ ครั้งที่ 2/2565 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2567 (STARK242A ) มูลค่าเงินต้น 3,934.30 ล้านบาท