เปิดโครงสร้าง "โอ้กะจู๋" ก่อนระดมทุนเข้าตลาดหุ้น

10 พ.ค. 2567 | 05:10 น.

เปิดโครงสร้าง บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เจ้าของร้านอาหารแบรนด์ดัง "โอ้กะจู๋" ยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต. เตรียมพร้อมแต่งตัวเข้าระดมทุนตลาดหุ้น โชว์ฟอร์มเด่นเข้าตา OR ถือหุ้น 20%

เชื่อว่าหลายคนอาจเคยได้ยินชื่อร้าน "โอ้กะจู๋" ผ่านหู ผ่านตา หรืออาจได้เคยเข้าไปใช้บริการกันมาบ้างแล้ว วันนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" จะพามารู้จักกับ "โอ้กะจู๋" กัน หรือ บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ ซึ่งทำธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพภายใต้คอนเซ็ปท์ “Be Organic fromFarm to Table” รวมถึงบริการด้านอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ โดยเน้นการปลูกผัก ผลไม้แบบเกษตรอินทรีย์ (Organic) ภายใต้แบรนด์สินค้า "โอ้กะจู๋"

โดยธุรกิจของ OKJ แบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก ประกอบด้วย

  1. ธุรกิจบริการและจำ หน่ายอาหาร ภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” ปัจจุบันมีร้านโอ้กะจู๋ ในรูปแบบ Full-service Restaurant จำนวนรวม 30 สาขา ในเชียงใหม่ กรุงเทพฯ ปริมณฑล ระยอง และชลบุรี, ร้านโอ้กะจู๋ ในรูปแบบ Delivery and Kiosk จำนวนรวม 4 สาขา ในกรุงเทพฯ, จำหน่ายอาหารว่างและอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น แซนวิช สลัดผัก แร็พ สลัด ผ่านร้าน Café Amazon กว่า 300 สาขา ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคกลางและภาคตะวันออก และจำหน่ายผลผลิตการเกษตรอินทรีย์ ภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” เช่น ผัก ผลไม้ สลัดพร้อมทาน เป็นต้น ผ่าน Rimping Supermarket และ Gourmet Market จำนวน 9 สาขา ในเชียงใหม่ และกรุงเทพฯ
  2. ธุรกิจร้านอาหารประเภทจานด่วน (Quick Service Restaurant: QSR) ภายใต้แบรนด์ “Ohkajhu Wrap & Roll”
  3. ธุรกิจร้านน้ำ ผักผลไม้เพื่อสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ “Oh Juice” เป็นต้น

จุดเริ่มต้นทำธุรกิจจากแรงบันดาลใจ (Passion) ร่วมกันระหว่างนายชลากร เอกชัยพัฒนกุล (อู๋) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่ร่วมกับนายจิรายุทธ ภูวพูนผล (โจ้) ประธานเจ้าหน้าที่สายงานเกษตรอัจฉริยะ และนายวรเดช สุชัยบุญศิริ (ต้อง) ประธานเจ้าหน้าที่ซัพพลายเชน ซึ่งเป็นเพื่อนผู้ร่วมก่อตั้ง ที่ต้องการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคจากการปลูกผักสวนครัวทั่วไปและผักสลัดบางชนิดเพื่อรับประทานในครอบครัว ภายใต้สโลแกน “ปลูกผักเพราะรักแม่”

ก่อนต่อยอดไปสู่การดำเนินธุรกิจเพาะปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ปลอดสารพิษและสารเคมีตกค้าง โดยในปี 2556 บริษัทได้เปิดบริการร้านอาหารเพื่อสุขภาพสาขาแรกที่อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” ก่อนที่ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ ได้มีการยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อที่จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET

โดยจัดอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งนี้ OKJ จะเสนอขายไม่เกิน 159 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 26.10% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำ ระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทในครั้งนี้ ราคาพาร์ (PAR) อยู่ที่ 0.50 บาท โดยมีที่ปรึกษาทางการเงิน คือ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)

 

เปิดโครงสร้าง \"โอ้กะจู๋\" ก่อนระดมทุนเข้าตลาดหุ้น

สำหรับวัตถุประสงค์การใช้เงินจากการระดมทุน

  1. ขยายธุรกิจไม่จำกัดเพียงการขยายสาขาร้านโอ้กะจู๋ การขยายสาขาสำหรับธุรกิจหรือแบรนด์ใหม่ๆ การปรับปรุงสาขา และขยายช่องทางการจำหน่าย
  2. ลงทุนสร้างครัวกลางแห่งใหม่ และพัฒนาเครื่องจักร อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ระบบการบริหารจัดการวัตถุดิบสินค้าคงเหลือ ระบบขนส่ง และสำนักงาน เป็นต้น
  3. ลงทุนและพัฒนาเครื่องจักร อุปกรณ์ และระบบสาธารณูปโภคเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะปลูก รวมถึงการสร้างสถานที่ตรวจสอบคุณภาพผลผลิต (In-House Lab) เป็นต้น
  4. ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และต่อยอดธุรกิจอย่างยั่งยืน รวมถึงการลงทุนในธุรกิจใหม่ การร่วมลงทุน การซื้อธุรกิจ การควบรวมกิจการ
  5. ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน

จากการยึดมั่นในอุดมการณ์หลักที่จะปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์ วิถีธรรมชาติ โดยการออกแบบและจัดการฟาร์มที่ไม่พึ่งพาสารเคมีใดๆ พร้อมคำนึงถึงผืนดิน ผลผลิต ระบบนิเวศ ครอบครัวและชุมชน ผ่านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค 100% เพื่อให้ทุกคนได้รับประทานอาหารที่ปลอดสารพิษและดีต่อสุขภาพ และจับมือกับพันธมิตร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR โดยการเข้ามาถือหุ้น 20% ช่วยให้บริษัทสามารถสร้างโอกาสการเติบโตและก้าวไปอีกขั้น

โครงสร้างผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 21 มีนาคม 2567 รายชื่อผู้ถือหุ้น ก่อนเสนอขายหุ้น IPO และหลังเสนอขาย IPO ประกอบด้วย

  • ครอบครัวเอกชัยพัฒนกุล ถือหุ้น 208,800,000 หุ้น คิดเป็น 46.40% หลัง IPO จะลดเหลือ 190,356,000 หุ้น หรือคิดเป็น 31.26%
  • นายจิรายุทธ ภูวพูนผล ถือหุ้น 100,800,000 หุ้น คิดเป็น 22.40% หลัง IPO จะลดเหลือ 93,394,000 หุ้น คิดเป็น 15.34%
  • ครอบครัวสุชัยบุญศิริ ถือหุ้น 50,400,000 หุ้น คิดเป็น 11.20% หลัง IPO จะลดเหลือ 44,450,000 หุ้น คิดเป็น 7.30%
  • บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด (Modulus) (บริษัทย่อยที่ OR ถือหุ้นทางอ้อมผ่านบริษัท พีทีที โออาร์ โฮลดิงส์ จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 100.0%) ถือหุ้นใน OKJ จำนวน 90,000,000 หุ้น คิดเป็น 20.00% หลัง IPO จะถือเพิ่มเป็น 121,800,000 หุ้น คิดเป็น 20.00%

ผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ราย และบริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด ได้เข้าทำหนังสือแสดงเจตจำนงแบบไม่มีภาระผูกพันตามกฎหมาย (Non-binding letter) โดย Modulus มีความประสงค์ที่จะซื้อหุ้นสามัญเดิมจากผู้ร่วมก่อตั้งจำนวนรวม 31,800,000 หุ้น คิดเป็น 5.2% ในราคาเดียวกับราคาเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนในครั้งนี้ ในวันแรกที่หุ้นสามัญของบริษัทฯ เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บนกระดานรายใหญ่ (“Big Lot Board”) ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งการซื้อหุ้นดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อคงสัดส่วนการถือหุ้นของ Modulus

สำหรับฐานะทางการเงินของ OKJ ช่วง 3 ปีย้อนหลัง (2564-2566) บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 803.02 ล้านบาท 1,214.91 ล้านบาท และ 1,716.85 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิในระยะเวลาดังกล่าวอยู่ที่ระดับ -84.55 ล้านบาท 38.32 ล้านบาท และ 140.65 ล้านบาท ส่วนสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 914.95 ล้านบาท 1,003.61 ล้านบาท และ 1,349.93 ล้านบาท ในด้านของหนี้สินรวมนั้น 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 506.95 ล้านบาท 557.30 ล้านบาท และ 772.01 ล้านบาท ตามลำดับ