เด็กไทย 1 : 1,000 คน เสี่ยงป่วย "โรคข้อสะโพกหลุดแต่กำเนิด"

08 พ.ค. 2567 | 08:00 น.

กรมการแพทย์ แนะผู้ปกครองสังเกตลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิด หากขาไม่เท่ากัน ขยับได้น้อย หรือเมื่อถึงวัยเดินแล้วเดินกระเผก ตัวส่ายโยก เดินช้า เห็นก้นยื่น หลังแอ่นมาก อาจสงสัยว่ามีข้อสะโพกหลุดซ่อนอยู่

นายแพทย์สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคข้อสะโพกหลุดแต่กำเนิด อาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ในเด็กทารกซึ่งยังเดินไม่ได้และมักดูได้ยาก อาการจะแสดงชัดขึ้นเมื่อเด็กเข้าวัยเดิน โดยเฉพาะถ้ามีประวัติว่าคลอดท่าก้น พ่อแม่ควรสังเกตความเท่ากันของขา การขยับที่ดูน้อยผิดปกติ และถ้าลูกเข้าสู่วัยเดินได้แล้วแต่ท่าเดินผิดปกติ การเดินกระเผกตัวส่าย หรือนั่งขัดสมาธิไม่ได้ กางขาได้ไม่สุด ก้นยื่นหลังแอ่น ถ้าสงสัยควรนำเด็กมาพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตรวจ เพราะหากปล่อยไว้นานสะโพกนั้นอาจเสียหาย ส่งผลให้เดินลำบากและเจ็บปวดในอนาคต

นายแพทย์อัครฐาน จิตนุยานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า สาเหตุของการเกิดโรคข้อสะโพกหลุดแต่กำเนิดยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน อัตราเฉลี่ยการพบโรคประมาณ 1 ต่อ1,000 คน ของเด็กทารกแรกเกิด โดยเฉพาะเด็กที่มีประวัติคลอดท่าก้น โรคนี้มักวินิจฉัยได้ล่าช้า เนื่องจากข้อสะโพกเป็นข้อที่อยู่ลึก ถูกห่อหุ้มด้วยกล้ามเนื้อหลายชั้น จึงทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ถ้าสะโพกหลุดข้างเดียวอาจสังเกตเห็นว่าขาไม่เท่ากัน แต่ถ้าสะโพกหลุด 2 ข้าง จะสังเกตยากกว่า ให้สังเกตุการขยับของขา ถ้าสะโพกหลุดมักกางขาไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามถ้าสะโพกเคลื่อนแต่ยังไม่หลุด อาการจะดูปกติ ดังนั้น ถ้าเด็กคลอดท่าก้นควรปรึกษาแพทย์เชี่ยวชาญตั้งแต่หลังคลอดทุกคน 

การรักษาโรคข้อสะโพกหลุดแต่กำเนิด

นายแพทย์วีระศักดิ์ ธรรมคุณานนท์ หัวหน้ากลุ่มงานศัลยกรรมกระดูกและข้อ กล่าวว่า โรคข้อสะโพกหลุดแต่กำเนิดสามารถรักษาได้ไม่ยาก ยิ่งวินิจฉัยได้เร็วยิ่งง่าย แต่หากปล่อยสะโพกหลุดไว้นาน หัวสะโพกและเบ้าจะเจริญบูดเบี้ยวจนแข็ง เนื้อเยื่อรอบๆจะยึดแข็ง ไม่สามารถนำสะโพกกลับเข้าที่ได้ การรักษาในช่วงวัยทารกซึ่งสะโพกยังเป็นกระดูกอ่อน เนื้อเยื่อยังนิ่ม การเอาหัวสะโพกเข้าที่มักทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ต้องใส่อุปกรณ์กางขาตลอดเวลาประมาณ 2 เดือน แต่ในกรณีที่ไม่สามารถดึงสะโพกเข้าได้ การผ่าตัดเพื่อเอาสะโพกที่และดามขาในท่ากางขาประมาณ 2 เดือน อาจแก้ไขได้ 

เด็กไทย 1 : 1,000 คน เสี่ยงป่วย \"โรคข้อสะโพกหลุดแต่กำเนิด\"

ในเด็กสะโพกเคลื่อนหลุดที่เดินได้แล้ว โอกาสในการใส่อุปกรณ์กางขาอย่างเดียวโดยไม่ผ่าตัดเป็นเรื่องยากขึ้น และยังรบกวนพัฒนาการการเดินของเด็ก เพราะเด็กอาจต้องใส่ที่กางขานานหลายเดือน การผ่าตัดเพื่อนำเนื้อเยื่อที่ขวางในเบ้าออกจะช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จโดยใส่ที่กางขาต่อเพียง  2 - 3 เดือนหลังผ่าได้ 

อย่างไรก็ตาม ในรายที่กระดูกสะโพกมีความผิดรูปมาก เบ้าสะโพกแบนมาก อาจต้องเพิ่มการตกแต่งกระดูกเบ้าสะโพกและหรือหัวสะโพกให้มั่นคงขึ้นก่อนใส่อุปกรณ์กางขา ผลข้างเคียงจากการผ่าตัดแก้ไขสะโพกหลุด คือ การหลุดเคลื่อนซ้ำ ซึ่งป้องกันได้โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เพียงพอ อีกกรณีคือเด็กมีภาวะสะโพกหลุดซับซ้อนที่มีกล้ามเนื้อรอบสะโพกอ่อนแรงหรือหดเกร็ง แพทย์จะสามารถแนะนำความเสี่ยงได้ก่อนผ่าตัด โดยการผ่าตัดแก้สะโพกเคลื่อนหลุดแต่เกิดที่ไม่ซับซ้อนให้ผลสำเร็จสูงกว่า 
95 เปอร์เซ็นต์

เด็กไทย 1 : 1,000 คน เสี่ยงป่วย \"โรคข้อสะโพกหลุดแต่กำเนิด\"

ในเด็กที่อายุน้อยกว่า 5-6 ปี การผ่าตัดที่อายุมากกว่านี้มีความเสี่ยงว่าจะไม่สำเร็จได้มากขึ้น ผ่าเข้าที่แล้วมีโอกาสหลุดซ้ำ ยิ่งถ้าเข้าวัยรุ่นแล้วความพยายามผ่าเอาสะโพกเข้าที่อาจทำให้เจ็บได้ เนื่องจากหัวสะโพกแข็งผิดรูปมากแล้วเมื่อเสียดสีกับเบ้าโอกาสเกิดกระดูกอ่อนสึกจนเจ็บปวดอาจเกิดขึ้น รวมทั้งเนื้อเยื่อรอบสะโพกที่แข็งเสียความยืดหยุ่นจนไม่สามารถให้ความมั่นคงต่อสะโพกได้ ที่ดีควรรู้และรักษาเร็วก่อนเข้าวัยประถม ผู้ปกครอต้องงเตรียมตัวและทำใจให้พร้อมกับวิธีการรักษา เพราะความเจ็บปวดจากการผ่าตัดจะเกิด 1-2 วันแรก 

หลังผ่าซึ่งแพทย์วิสัญญีจะใช้ยาควบคุมความปวดไม่ให้เกิดขึ้นมาก การดูแลหลังผ่าจะมีมาตราการตามขั้นตอนเพื่อป้องกันผลข้างเคียง การติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ หลังผ่า ความลำบากในการอยู่ในเฝือกกางขากว่า 2 เดือน เป็นสิ่งที่ต้องเตรียมใจ เมื่อเอาเฝือกออกแล้วสะโพกยึด ก็เป็นเรื่องปกติที่จะค่อยๆ หายเองใน 3 เดือนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับอายุที่ผ่าตัด ยิ่งอายุมากยิ่งใช้เวลานาน