"พักโทษทักษิณ" จตุพรเชื่อ ไร้ภาพออกจาก รพ. ชี้จับตาเปลี่ยนตัวนายกฯ

17 ก.พ. 2567 | 07:55 น.

"พักโทษทักษิณ" 18 กุมภาพันธ์ 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ เชื่อไม่มีใครได้เห็นภาพขณะออกจากโรงพยาบาลตำรวจ ทราบอีกทีอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้าเรียบร้อย ชี้จับตาเปลี่ยนตัวนายกฯ หลังจากนี้ ตามดีล

จากกรณีกระแสข่าวการพักโทษนายทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นที่จับตามองว่าสถานการณ์ทางการเมืองหลังจากนั้นจะเป็นเช่นไร ประกอบกับข้อสงสัยหลายประการ ว่านายทักษิณ จะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ทันทีหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีความเห็นทางการแพทย์ว่า นายทักษิณจำเป็นต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากอาการของโรคประจำตัวมีความเสี่ยงสูง

ฐานเศรษฐกิจ สัมภาษณ์พิเศษ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน แสดงความเห็นต่อกรณีการพักโทษนายทักษิณ ชินวัตร ว่า เป็นหวยล็อค ไม่ได้เกินความคาดหมายแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นไปตามดีลที่ตกลงกันไว้แล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งเชื่อว่า จะมีการปล่อยตัวนายทักษิณ ในเวลาเที่ยงคืน เพื่อหลบกองทัพนักข่าว ไม่ให้เห็นว่า ขณะที่ออกมา จากโรงพยาบาลตำรวจนั้นมีสภาพอย่างไร 

นายจตุพรเชื่อว่า การปล่อยตัว จากการพักโทษนายทักษิณครั้งนี้ จะไม่ได้เห็นกระบวนการใดๆ ทั้งจาก กองบังคับการปราบปรามการกระทำเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) , สน.ปทุมวัน หรือ กรมคุมประพฤติ จะได้ทราบ อีกครั้ง ก็คือเมื่อนายทักษิณอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าแล้ว ส่วนหลังจากนั้นจะไปอยู่ที่อื่นได้ตอนนั้นก็ไม่มีใครทราบได้

พักโทษทักษิณ

สำหรับการพักโทษนายทักษิณนั้น ถือว่าเป็นไปตามสิทธิ์แต่ไม่ปกติ เพราะนายทักษิณ ยังไม่เคยต้อง เข้าไปนอนในเรือนจำเลยแม้แต่คืนเดียว และยังตามมาด้วยข้อสงสัยอีกหลายประการ เช่นพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 จริงหรือไม่ เหตุใดกล้องวงจรปิด ทุกตัวไม่สามารถใช้การได้ และยังมีความย้อนแย้ง ในกรณีการแจ้งข้อกล่าวหา มาตรา 112 

โดยสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ส่งหนังสือลงวันที่ 18 มกราคม 2567 ถึงนางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปปท.) ว่า ยังไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหา มาตรา 112 ต่อนายทักษิณได้เนื่องจากเรือนจำยังไม่อนุญาต แต่ปรากฎว่าทีมโฆษกอัยการออกมาเปิดเผยว่า ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้วในวันที่ 17 มกราคม 2567

พักโทษทักษิณ

สำหรับฉากทัศน์ทางการเมือง หลังจากนายทักษิณได้รับการพักโทษเรียบร้อยแล้วนั้น ต้องจับตาดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ โดยจะเป็นไป ตามดีลที่ได้ตกลงกันไว้ เมื่อพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลแล้ว และนายทักษิณได้รับการพักโทษออกจากเรือนจำแล้ว ถือว่าส่วนที่ได้นั้นได้มาครบแล้ว ลำดับต่อไปจึงเป็นส่วนที่ต้องเสียบ้าง

การดำเนินโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะเป็นตัวชี้วัดดีลที่เกิดขึ้น โดย หากพรรคเพื่อไทย มีท่าทีขึงขัง ในการดำเนินโครงการแจกเงินดิจิทัล สุดท้าย โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทนี้ จะถูกตีตกในชั้นครม. ซึ่งจะเป็นไปตามดีลนั่นก็คือ นายเศรษฐา จะต้องลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วเปิดโอกาสให้ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนอื่น ขึ้นมาเป็นนายกฯ ซึ่งไม่ใช่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร 

แต่หากรัฐบาลเพื่อไทย มีท่าทีอ่อนลงกับโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ไม่ขึงขังเดินหน้าโครงการตามที่ได้ประกาศไว้นั่นคือสัญญาณของการเบี้ยวดีล ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็จะตามมาด้วย การล้างผลาญทางการเมืองกันอีกครั้งหนึ่ง อาจได้เห็นการยุบพรรคการเมืองบางพรรคที่จะเป็นตัวแปรสำคัญเกิดขึ้น หรือแม้กระทั่งกล้องวงจรปิด โรงพยาบาลตำรวจที่เคยใช้ไม่ได้ ก็อาจสามารถกู้คืนข้อมูลทั้งหมดออกมาได้เช่นกัน