แนวโน้มราคาอาหารทั่วโลกปรับลดลงในปีนี้ จากผลผลิตธัญพืชหลักมีมากเพียงพอ

23 เม.ย. 2567 | 08:29 น.

ราคาอาหารทั่วโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในปี 2567 จากอุปทานธัญพืชหลัก โดยเฉพาะข้าวสาลีและข้าวโพด ที่มีปริมาณมากเพียงพอ เป็นผลจากการเร่งผลิตในช่วงก่อนหน้านี้ ข้อมูลเวิลด์แบงก์ชี้ ราคาเริ่มปรับลดลงแล้ว 9% ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา

อ็อกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ (Oxford Economics) หน่วยงานวิจัยและให้คำปรึกษาของสหราชอาณาจักรคาดการณ์ว่า ราคาอาหาร ที่พุ่งสูงขึ้นทั่วโลกน่าจะปรับตัวลดลงในปี 2567 นี้ เนื่องจากพืชผลสำคัญหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าวสาลี และ ข้าวโพด มีปริมาณมากเพียงพอ

ข้อมูลจากแฟ็กต์เซ็ต (FactSet) ระบุว่า การเก็บเกี่ยวพืชผลได้เป็นจำนวนมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ ทำให้ราคาอาหารปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าข้าวสาลีลดลงเกือบ 10% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าข้าวโพดลดลงประมาณ 6% ในช่วงเวลาเดียวกัน

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า บรรดาเกษตรกรได้เร่งการผลิตทั้งข้าวสาลีและข้าวโพดหลังราคาพุ่งสูงขึ้นอันเป็นผลสืบเนื่องจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เริ่มขึ้นในปี 2565 ส่งผลให้การเก็บเกี่ยวข้าวโพดทั่วโลกในปีการตลาดที่จะสิ้นสุดลงในเดือนสิงหาคมที่กำลังจะมาถึง (ส.ค.2567) มีแนวโน้มว่า จะมีระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ส่วนการเก็บเกี่ยวข้าวสาลี คาดว่าน่าจะอยู่ในระดับสูงเช่นเดียวกัน แม้จะต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีการตลาด 2565-2566 อยู่เล็กน้อยก็ตาม

ด้าน ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ระบุว่า ราคาอาหารทั่วโลกได้ปรับตัวลดลง 9% ในปี 2566 สอดคล้องกับดัชนีราคาโลกขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ที่แตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แต่ดีดตัวขึ้นเล็กน้อยในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพราะราคาผลิตภัณฑ์นม เนื้อสัตว์ และน้ำมันพืช ปรับสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศที่เลวร้าย ยังคงเป็นปัจจัยบั่นทอนความเชื่อมั่นของธุรกิจการเกษตรและแนวโน้มการเพาะปลูก โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ราคาโกโก้ได้พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่เกษตรกรในแอฟริกาตะวันตกต้องต่อสู้กับสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยและโรคต่าง ๆ ซึ่งหากสภาพอากาศยังคงย่ำแย่เช่นนี้ โอกาสในการเก็บเกี่ยวในพื้นที่เพาะปลูกสำคัญอื่น ๆ อาจลดลงด้วยเช่นกัน

 

ข้อมูลอ้างอิง