Meta เดินหน้าดันธุรกิจโตต่อเนื่อง ผ่านเทคโนโลยี AI

17 ส.ค. 2566 | 10:47 น.

Meta เผยเดินหน้าธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง ชู 3 กลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจและอุตฯไทย มุ่งเติบโตคอนเท้นต์วิดีโอสั้น Reels เทคโนโลยี AI เพื่อธุรกิจ และมุ่งตอบสนองความต้องการส่วนบุคคล

ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ชุมชนบนแพลตฟอร์มของ Meta ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีผู้คนกว่า 3 พันล้านคนทั่วโลกที่ใช้งานแอปของ Meta ในทุก ๆ วัน หรือกว่า 3.88 พันล้านคนในแต่ละเดือน ทั้งนี้ ธุรกิจร้านค้ายังเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตดังกล่าว โดย Meta ได้สร้างการเชื่อมต่อที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถมองหาโอกาสใหม่ ๆ และค้นพบฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นผ่านหลากหลายฟีเจอร์ที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจตลอดทั้งกระบวนการ

Meta เดินหน้าดันธุรกิจโตต่อเนื่อง ผ่านเทคโนโลยี AI

โดยเฉพาะในช่วงตลอดปี 2566  นี้ที่กำลังทวีความเข้มข้น Meta ยังคงให้ความสำคัญกับ 3 กลยุทธ์หลักที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจและอุตสาหกรรมในไทย ซึ่งรวมไปถึง 1. การเติบโตของคอนเท้นต์วิดีโอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิดีโอสั้น Reels 2. บทบาทของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับภาคธุรกิจ และ 3. การสร้างการเชื่อมต่อที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นและตอบสนองความต้องการเฉพาะของบุคคล(Personalization) และการโต้ตอบกันแบบหนึ่งต่อหนึ่งที่สร้างความใกล้ชิดกับแบรนด์ผ่านเทรนด์การส่งข้อความทางธุรกิจ (Business Messaging)

นางสาวแพร ดำรงค์มงคลกุล Country Director ประจำ Facebook ประเทศไทย จาก Meta กล่าวว่าธุรกิจจำนวนมากสามารถเชื่อมต่อกับกลุ่มผู้เป้าหมายที่เกี่ยวข้องและสร้างโอกาสได้มากมายผ่านแพลตฟอร์มของ Meta ซึ่งเราได้ช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถถูกค้นพบและเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดย 3 กลยุทธ์หลักที่เราให้ความสำคัญในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอสั้น Reels เทคโนโลยี AI หรือการส่งข้อความทางธุรกิจ ต่างเป็นส่วนสำคัญต่อการเติบโตของชุมชน Meta ซึ่งปัจจุบันได้เข้าถึงผู้คนกว่า 3.88 ล้านคนทั่วโลก และได้ขับเคลื่อนธุรกิจในขนาดต่าง ๆ กว่า 200 ล้านราย ผ่าน Facebook, Instagram, Facebook Messenger และ Instagram DM”

Meta เดินหน้าดันธุรกิจโตต่อเนื่อง ผ่านเทคโนโลยี AI

Reels เติบโตอย่างก้าวกระโดดและได้กลายมาเป็นประเภทคอนเท้นต์ที่เป็นที่นิยมและถูกบริโภคมากที่สุดในหมู่ผู้ใช้ของ Meta และยังได้กลายมาเป็นประเภทของคอนเท้นต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมไปถึงในประเทศไทย โดยอ้างอิงจากรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2023 ของ Meta ยอดการดู Reels ต่อวันพุ่งสูงขึ้นถึง 200 พันล้านครั้งต่อวัน และมียอดการรีแชร์คอนเท้นต์ Reels ทั้งทาง Facebook และ Instagram สูงขึ้นมากกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับปี 2022 โดยสำหรับประเทศไทย ผู้คนใช้เวลากว่า 50% บนแพลตฟอร์มของ Meta ไปกับการดูวิดีโอ ส่งผลให้ Reels มีบทบาทสำคัญต่อระบบ Discovery Engine ของ Meta ซึ่งช่วยสร้างการมีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ กว่า 40% ของคนไทยระบุว่าคอนเท้นต์วิดีโอเป็นหนึ่งในสามสื่อหลักที่ช่วยให้พวกเขาค้นพบและพิจารณาซื้อสินค้าต่าง ๆ ปัจจุบัน ผู้ลงโฆษณาของ Meta เกินกว่า 75% ได้เลือกลงโฆษณาผ่าน Reels นอกจากนี้ รายได้ทั่วโลกจาก Reels ยังทะลุ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  หรือ ประมาณ  3.5 แสนล้านบาท พุ่งสูงขึ้นจากเดิมที่ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ ประมาณ 1.06 แสนล้านบาท ในปีก่อนหน้า

การเติบโตของ Reels ยังเกี่ยวเนื่องอย่างชัดเจนกับบทบาทที่มากขึ้นของเทคโนโลยี AI ซึ่งช่วยในการปรับแต่งประสบการณ์เฉพาะบุคคล รวมไปถึงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมผ่านการแนะนำ จัดลำดับ และการโฆษณา สำหรับแพลตฟอร์มของ Meta เทคโนโลยี AI ได้ช่วยให้ผู้คนสามารถมองเห็นคอนเท้นต์ที่เหมาะสมกับความสนใจของตัวเอง รวมไปถึงวิดีโอ Reels นอกจากนี้ เทคโนโลยีที่นำเสนอสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล (Personalization) ที่ขับเคลื่อนโดย AI ยังส่งผลให้การบริโภคคอนเท้นต์ Reels บน Instagram สูงขึ้นถึง 24% อีกด้วย

Meta เดินหน้าดันธุรกิจโตต่อเนื่อง ผ่านเทคโนโลยี AI

ผลการวิจัย Culture Rising โดย Meta ระบุว่ามีการพูดถึงเทคโนโลยี AI บน Facebook และ Instagram สูงขึ้นถึง 173% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยในปี 2022 ได้มีการเปิดตัว Meta Advantage Suite ซึ่งเป็นหนึ่งในนวัตกรรมขับเคลื่อนโดย AI จาก Meta ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนธุรกิจ โดยได้รวบรวมผลิตภัณฑ์และเครื่องมือต่าง ๆ ที่จะช่วยให้กระบวนการในการสร้างโฆษณาเป็นไปอย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยนักโฆษณาและเจ้าของธุรกิจให้สามารถเลือกชิ้นงานโฆษณาและเชื่อมต่อกับกลุ่มลูกค้าที่ใช่ในเวลาที่เหมาะสมอีกด้วย

ก่อนหน้านี้ Meta ยังได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ AI เพื่อกระตุ้นประสิทธิภาพการโฆษณาของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัว AI Sandbox ของ Meta ที่ช่วยทดสอบความสามารถของ Generative AI สำหรับนักโฆษณา และฟีเจอร์การตลาดขับเคลื่อนโดย AI ใหม่ ๆ ที่เข้ามาเสริมเครื่องมือด้านการตลาดแบบอัตโนมัติภายใต้ Meta Advantage Suite รวมไปถึงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนด้านโครงสร้าง AI และโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model - LLM) ของ Meta ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนานวัตกรรมเหล่านี้ ปัจจุบัน ผู้ลงโฆษณาบนแพลตฟอร์ม Meta เกือบทั้งหมดได้ใช้งานผลิตภัณฑ์ AI จาก Meta อย่างน้อยหนึ่งแบบ ส่งผลให้การตัดสินใจซื้อเพิ่มสูงขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะที่ต้นทุนราคา Cost Per Acquisition (CPA) โดยรวมลดลง และมีอัตราผลตอบแทนจากการใช้จ่ายในการทำโฆษณา (Return on Ad Spend) มากกว่า 32% เมื่อใช้งานแคมเปญช้อปปิ้ง Advantage+

นอกจากนี้ ธุรกิจยังสามารถเข้าถึงระบบ AI เน้นประสิทธิภาพและโซลูชันอัตโนมัติต่าง ๆ ได้ผ่าน Meta Advantage ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาแคตตาล็อก (Catalog Ad), โซลูชัน Shopping, การกำหนดเป้าหมายอย่างละเอียด (Detailed Targeting), การผสมข้อความรูปแบบต่าง ๆ (Text Variation), การสร้างพื้นหลังให้ชิ้นงาน, และการคร็อปภาพ ได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น Meta ยังได้ปล่อยโซลูชัน Meta Lattice ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมโมเดลใหม่ที่ช่วยคาดการณ์ประสิทธิภาพของโฆษณา ผ่านการเรียนรู้ชุดข้อมูลจำนวนมากและเป้าหมายในการโฆษณารูปแบบต่าง ๆ                                                                                           

นางสาวแพร กล่าวเสริมว่า“เจ้าของธุรกิจบนแพลตฟอร์มของ Meta ได้มีการใช้งานโซลูชันทางการตลาดภายใต้ Meta Advantage แล้วอย่างน้อยหนึ่งโซลูชันซึ่งหมายความว่าธุรกิจหลายล้านรายได้เริ่มใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI เพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจแล้ว”

สำหรับกลยุทธ์ส่วนที่สามคือการให้ความสำคัญกับบทบาทของการนำเสนอสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล และการโต้ตอบแบบหนึ่งต่อหนึ่งผ่านการส่งข้อความทางธุรกิจ หรือ Business Messaging เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการพูดคุยระหว่างเจ้าของธุรกิจและกลุ่มเป้าหมาย โดยปัจจุบัน มีผู้คนกว่า 1,000 ล้านคนทั่วโลกที่เชื่อมต่อกับธุรกิจต่าง ๆ ผ่านแอปส่งข้อความของ Meta ในทุก ๆ สัปดาห์

“ในทุก ๆ วัน ชุมชนของเราในไทยเชื่อมต่อถึงสิ่งต่าง ๆ ที่มีความหมายกับพวกเขา รวมไปถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องผ่านการส่งข้อความ ข้อมูลจาก Boston Consulting Group (BCG) และ Meta ในปี 2022 ระบุว่า 78% ของคนไทยส่งข้อความพูดคุยกับธุรกิจอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ โดยการสำรวจคนไทยในวัยผู้ใหญ่กว่า 76% กล่าวว่าพวกเขาต้องการสื่อสารกับธุรกิจในลักษณะเดียวกันกับเพื่อน ครอบครัว และเพื่อนร่วมงาน ซึ่งก็คือการพูดคุยผ่านการส่งข้อความ แสดงให้เห็นว่าการส่งข้อความทางธุรกิจมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ และทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงและรู้สึกใกล้ชิดกับธุรกิจยิ่งขึ้น” คุณแพรเสริม

งานวิจัยที่จัดทำโดย Forrester Consulting และ Meta ในเดือนธันวาคม 2022 ยังแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์การส่งข้อความทางธุรกิจสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกว่า 61% เมื่อเทียบกับช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ ที่ใช้ก่อนหน้า ยกตัวอย่างเช่น ในแง่ของการขาย มูลค่าการสั่งซื้อของลูกค้าสูงขึ้น 22.1% สืบเนื่องจากการสื่อสารระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายที่ทำผ่านการส่งข้อความทางธุรกิจ

“การส่งข้อความทางธุรกิจเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่แบรนด์ต่าง ๆ ควรพิจารณา โดยผู้ลงโฆษณามากกว่า 65% ของเราในไทยได้เลือกใช้โฆษณาแบบคลิกไปยังการส่งข้อความ (Click-to-Message) ในอนาคต เรายังมีแผนที่จะสนับสนุนธุรกิจให้สามารถใช้ประโยชน์จากแอปพลิเคชันส่งข้อความของเราเพื่อผลักดันให้เกิดอัตราการพิจารณาซื้อสูงสุด”